ผู้เขียน หัวข้อ: หุ้นแบงก์กรุงเทพ ร่วงทำนิวโลว์รอบ 4 เดือน โบรกจ่อหั่นเป้าสิน  (อ่าน 281 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 88094
    • ดูรายละเอียด
หุ้นแบงก์กรุงเทพ ร่วงทำนิวโลว์รอบ 4 เดือน โบรกจ่อหั่นเป้าสิน

 
 โดย :  กรุงเทพธุรกิจออนไลน์   วันที่ 12 ตุลาคม 2559, 11:53


แบงก์กรุงเทพ,BBL


หุ้นแบงก์กรุงเทพ ร่วงแตะ 155 ทำนิวโลว์รอบ 4 เดือน  นักวิเคราะห์จ่อหั่นเป้าสินเชื่อ หลังเติบโตน้อยกว่าคาด


สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น แบงก์กรุงเทพ วันนี้ (12 ต.ค.) เปิดตลาดที่ระดับ 156.50 บาท และลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 156 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ก่อนกระเตื้องขึ้นมาซื้อขายที่ 156.50 บาท และล่าสุดซื้อขายที่ 155.00-155.50 บาท ซึ่งแบงก์จะแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ในวันที่ 20-21 ต.ค.
ขณะที่การซื้อขายผ่าน เอ็นดีวีอาร์ พบว่า แบงก์กรุงเทพ ถูกขายเมื่อวานนี้ (11ต.ค.) มูลค่า 171.45 ล้านบาท คิดเป็น 23.20% ของการซื้อขายแบงก์ทั้งหมด
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา กำไรสุทธิของแบงก์ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยปี 2557 มีกำไรสุทธิ 3.6 หมื่นล้านบาท ลดลงเหลือ 3.4 หมื่นล้านบาทในปี 2558 ส่วนครึ่งแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มว่ากำไรทั้งปีจะลดลงเทียบกับปีก่อน
บล.ฟิลลิป คาดว่า แบงก์กรุงเทพ จะรายงานกำไรสุทธิ 3 ปีนี้  ที่ 8.2 พันล้านบาท ลดลง 9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้คาดปีนี้แบงก์กรุงเทพ จะมีการตั้งสำรองน้อยลงกว่าปีก่อนก็ตาม แต่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผลประกอบการลดต่ำลง
ขณะที่ด้านรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย อาจเติบโตอย่างชะลอตัว ตามการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวในไตรมาสนี้ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้ คาดกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 14.5% เนื่องจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงมากในไตรมาสก่อน จะสูงมาอยู่ในระดับปกติ ประกอบกับรายได้ดอกเบี้ยที่แม้จะเติบโตเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ยังเพียงพอที่จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นได้
แม้จะคาดว่าสินเชื่อของแบงก์กรุงเทพ ในไตรมาส 4 ปีนี้ จะเร่งตัวขึ้น จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ที่จะทยอยเบิกใช้สินเชื่อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปกติในช่วงไตรมาส 4 แต่สินเชื่อที่หดตัวลงในไตรมาส 3 และทำให้เป็นไปได้ยากที่สินเชื่อจะเติบโตได้ตามที่ฝ่ายวิจัยบริษัทคาดไว้เดิมที่ 5% จึงปรับลดประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ ลดลงเหลือ 3%
นอกจากนี้สินเชื่อที่โตต่ำกว่าคาด ยังส่งผลถึงรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยทำให้เติบโตต่ำกว่าที่คาดด้วย จึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2559-2560 ลง โดยปี 2559 ปรับลดลง 1.8% เหลือ 32.6 พันล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 33.2 พันล้านบาท แต่ยังคงประมาณการเงินปันผลไว้ที่ 6.50 บาทต่อหุ้นเหมือนเดิม
ส่วนปี 2560 ปรับลดลง 2.4% เหลือ 35.2 พันล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 36.1 พันล้านบาท และปรับลดประมาณการเงินปันผลลงเหลือ 6.50 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่คาดจะจ่าย 7 บาทต่อหุ้น พร้อมปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 174 บาท ยังแนะนำ ?ทยอยซื้อ?
ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปีนี้ ที่ 7,404 ล้านบาท ดีขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ยังลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินเชื่อไตรมาสนี้คาดยังไม่เติบโต แต่แนวโน้ม NIM ดีขึ้นเล็กน้อยหลังสัดส่วน CASA และ LDR สูงขึ้น ปัจจัยหนุนหลักๆ ในไตรมาสนี้จึงมาจาก รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เช่น กำไรจากเงินลงทุน และปันผลรับ
สำหรับ เอ็นพีแอล ในไตรมาสนี้คาดยังเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญสูงขึ้นตามไปด้วย แม้ไตรมาส 4 อาจเห็นกำไรดีขึ้นบ้างจากสำรองหนี้ที่ลดลง แต่ด้วยแนวโน้ม 9 เดือนที่กำไรค่อนข้างอ่อนแอ จึงมีโอกาสที่เราจะปรับลดประมาณการกำไรทั้งปีลง ยังคงแนะนำเพียง "ถือ" " เพราะยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน และมีโอกาสที่เราจะปรับลดประมาณการลงอีก
?แม้ราคากระดานของ แบงก์กรุงเทพ จะยังมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมอยู่พอสมควร แต่เมื่อตลาดหุ้นอยู่ในขาลง แบงก์กรุงเทพ ซึ่งเป็นบิ๊กแคป ย่อมเป็นเป้าหมายในการขายของทั้งกองทุนและต่างชาติ ดังนั้นการตัดสินใจเข้าลงทุน จึงต้องอาศัยจังหวะที่ถูกต้องและซื้อให้ถูกเวลา อย่าลืมว่า แบงก์กรุงเทพ เคยลงไปทำโลว์ถึง 142 บาทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา