ผู้เขียน หัวข้อ: ผลตรวจ"สต๊อกยางเก่า"5โกดัง 8.8 ล้าน กก.พบ"เสื่อมคุณภาพ"ทั้งหมด  (อ่าน 1289 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87601
    • ดูรายละเอียด
ผลตรวจ"สต๊อกยางเก่า"5โกดัง 8.8 ล้าน กก.พบ"เสื่อมคุณภาพ"ทั้งหมด


เรื่องโดย คนิตา สีตอง | ภาพโดย Nation TV
28 มกราคม 2561 15:41

ตรัง-ผลการตรวจสต๊อกยางพารา5โกดังในจังหวัดตรัง 8,832,070 กิโลกรัม จาก 2 โครงการรัฐบาลเพื่อไทยและรัฐบาล คสช. พบปริมาณสต๊อกยางเท่าเดิม แต่เสื่อมคุณภาพทั้งหมด จ่ายค่าเช่าโกดังเดือนละ8แสนบาท ยืนยันจะไม่นำยางออกขาย เกรงจะเป็นการซ้ำเติมราคา


 
 

ตรัง-ผลการตรวจสต๊อกยางพารา5โกดังในจังหวัดตรัง 8,832,070 กิโลกรัม จาก 2 โครงการรัฐบาลเพื่อไทยและรัฐบาล คสช. พบปริมาณสต๊อกยางเท่าเดิม แต่เสื่อมคุณภาพทั้งหมด จ่ายค่าเช่าโกดังเดือนละ8แสนบาท ยืนยันจะไม่นำยางออกขาย เกรงจะเป็นการซ้ำเติมราคา
 
(28ม.ค.61) ตามที่นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ เลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะทำงานตรวจสอบปริมาณและสต๊อกยางพารา ได้ลงพื้นที่จังหวัดตรัง ตรวจสอบสต๊อกยางพาราเก่าในจังหวัดตรัง ที่มีอยู่จำนวน 5 โกดัง รวมจำนวน2โครงการ /2รัฐบาล ที่รับซื้อจากเกษตรกรในราคาชี้นำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากราคาผลผลิตตกต่ำขณะนั้น คือ ปี2555โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพารา สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีนายณัฐวุฒิ ไสเกื้อ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 8,129.159 กิโลกรัม และ ปี2557โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางพารา 702.909 กิโลกรัม สมัยรัฐบาล คสช.ที่มีนายอำนวย ปะติเส เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมทั้งหมดจำนวน 8,832.068 กิโลกรัม ทั้งยางคัดติ้ง และยางแผ่นรมควันอัดก้อน ตรวจสอบสต๊อกและคุณภาพยางพาราเก่าที่มีอยู่สต๊อกทั้งหมด หลังมีกระแสข่าวว่า มีการนำยางเก่าในสต๊อกมาหมุนเวียนขายตลาด เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคายางพาราตกต่ำ


ล่าสุด นายมีศักดิ์ ภักดีคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต 7และ8 ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ได้ร่วมกันสรุปผลการตรวจสอบสต๊อกยางทั้งหมดในจังหวัด พบว่าปริมาณยางในสต๊อกคงเดิมไม่ได้หายไป หรือเพิ่มปริมาณขึ้น การจัดเก็บส่วนใหญ่ไม่เป็นระเบียบ และยางเสื่อมคุณภาพลงทั้ง100 %เนื่องจากเกิดราสนิมและราชื้น และเสียรูป สาเหตุสำคัญเกิดจากระยะเวลาในการเก็บยางไว้ยาวนานเกินไป ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน โดยโกดังบางแห่งหลังคารั่ว มีการเรียกเก็บค่าปรับจากเอกชนเจ้าของโกดังแล้ว ภาพรวมจึงทำให้ยางทั้งหมดตกชั้นและเสื่อมคุณภาพลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อไปต่อราคายางที่จะขายหรือระบายออกไปในอนาคตอย่างแน่นอน แต่ยืนยันขณะนี้รัฐบาลจะไม่นำยางเก่าในสต๊อกที่กระจายเก็บตามโกดังต่างๆ ทั้ง8จังหวัด รวม26โกดัง หรือกว่า1แสน5หมื่นตัน ออกมาขายอย่างแน่นอน เพราะเกรงว่าจะเป็นการซ้ำเติมราคาให้ตกต่ำลงไปอีกทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดตรัง ที่มีการจัดเก็บยางเก่าทั้ง2โครงการ รวม5โกดังนั้น รัฐบาลต้องจ่ายค่าเช่าโกดังเดือนละ8แสนบาท ขณะที่การยางแห่งประเทศไทยสาขาจังหวัดตรัง เตรียมจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องค่าเช่า ด้วยการจะขนย้ายบางโกดังไปเก็บที่จังหวัดกระบี่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเช่าโกดัง


อย่างไรก็ตาม สำหรับยางพาราที่อยู่ในสต๊อกทั้งหมดขณะนั้น มาจาก2โครงการ/2รัฐบาล ดังกล่าว โดยยางตามโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ปี 2555 (โครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง) ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขณะนั้นรัฐบาลรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 109 บาท วงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อรับซื้อยางพาราประมาณ 300,000 ตัน ส่วนยางในโครงการมูลภัณฑ์กันชน รัฐบาล คสช.ปี2557รับซื้อในราคากก.ละ 64 บาท วงเงิน8,000ล้านบาท ปริมาณยางจำนวน 120,000ตัน ซึ่งเป็นราคาชี้นำตลาด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่ขณะนี้สามารถนำยางออกขายได้บางส่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกกว่า1แสน5หมื่นตัน ยังไม่สามารถนำออกขายได้