จีน-ญี่ปุ่น-ไต้หวัน-มาเลเซีย แห่จองพื้นที่นิคมฯยางพารา 500 ไร่
วันที่ 23 ตุลาคม 2561 - 17:10 น. ที่มา ข่าวสด
กนอ. เผยทุนจีน-ญี่ปุ่น-ไต้หวัน-มาเลเซีย แห่จองพื้นที่นิคมฯยางพารา 500 ไร่ โชว์ศักยภาพพื้นที่ ระบบโลจิสติกส์ครบวงจรสามารถเชื่อมโยงกับตลาดต่างๆ ทั้งในกลุ่มสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ รวมทั้งส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก แห่จองนิคมฯยางพารา ? น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กนอ. ได้เร่งดำเนินการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมยางพารา หรือ รับเบอร์ชิตี้ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลาบนพื้นที่รวม 1,248 ไร่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมคลัสเตอร์ยางพารา และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยปัจจุบันการพัฒนาพื้นที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์ 100% แล้ว พร้อมรองรับนักลงทุนที่สนใจทั้งในและต่างประเทศเข้าใช้พื้นที่เพื่อประกอบการได้ทันที
?ขณะนี้การพัฒนาพื้นที่นิคมฯ ยางพารา มีความคืบหน้าชัดเจน ทั้งทางด้านระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ส่งผลให้มีกลุ่มนักลงทุนจากประเทศมาเลเซีย ไต้หวัน จีน และญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อการลงทุน โดยล่าสุดได้แจ้งความประสงค์จองพื้นที่เพื่อประกอบกิจการแล้ว ประมาณ 500 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้และกลุ่มอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง?
ขณะเดียวกันยังมีพื้นที่ที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจอยู่ระหว่างการตัดสินใจเข้ามาลงทุนอีก จำนวน 179 ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศที่สามารถเชื่อมโยงกับตลาดต่างๆ ทั้งในกลุ่มสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ (IMT-GT) ประกอบด้วย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย รวมทั้งการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าว ยังมีความได้เปรียบทางด้านแรงงาน และวัตถุดิบยางพารา คาดว่าหากมีการใช้พื้นที่เต็มโครงการทั้งหมด จะมีความต้องการใช้ยางพาราเพิ่มขึ้น ประมาณ 9,000 ตันต่อปี มีสัดส่วนเป็นน้ำยางข้น ประมาณ 60% หรือ 5,400 ตันต่อปี และยางแผ่นรมควัน ประมาณ 40% หรือ 3,600 ตันต่อปี ก่อให้เกิดรายได้แก่กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางประมาณ 450 ล้านบาทต่อปี และเมื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางพาราแล้วจะสามารถเพิ่มมูลค่าได้ถึง 10 เท่า หรือ คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 4,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตรในกลุ่มอุตสาหกรรมยางพารา ตามยุทธศาสตร์พลังประชารัฐที่จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการผลิต ช่วยยกระดับราคายางพาราภายในประเทศให้มีเสถียรภาพมากขึ้น