****ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $21.4 ดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ,จับตามาตรการกระตุ้นศก.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ภาวะชะงักงันในการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่นักลงทุนมองว่ายังอยู่ในระดับสูงมากนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ทองคำได้รับแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 21.4 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,970.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.739 ดอลลาร์ หรือ 6.69% ปิดที่ 27.718 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 23.8 ดอลลาร์ หรือ 2.48% ปิดที่ 983 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 48.60 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 2,216.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.12% สู่ระดับ 93.3360 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 963,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวมีจำนวนต่ำกว่า 1 ล้านรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. แต่นักลงทุนมองว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะซบเซา
นอกจากนี้ การเจรจาที่ยังไม่คืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า ประเด็นที่ยังคงสร้างความขัดแย้งในการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสคือการที่พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้ร่างกฎหมายเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะต้องรวมถึงการให้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางแก่สำนักงานไปรษณีย์จำนวน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และการให้เงินทุนสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.
****ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 80.12 จุด วิตกมาตรการกระตุ้นศก.ไม่คืบ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายหลังมีรายงานว่า การเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของราคาหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลง อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,896.72 จุด ลดลง 80.12 จุด หรือ -0.29% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,373.43 จุด ลดลง 6.92 จุด หรือ -0.20% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,042.50 จุด เพิ่มขึ้น 30.26 จุด หรือ+0.27%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่ยังไม่คืบหน้า โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า ประเด็นที่ยังคงสร้างความขัดแย้งในการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรส คือการที่พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้ร่างกฎหมายเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะต้องรวมถึงการให้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางแก่สำนักงานไปรษณีย์จำนวน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และการให้เงินทุนสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.
ทางด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า จุดยืนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังคง ห่างกันเป็นไมล์ โดยพรรคเดโมแครตเสนอให้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ทำเนียบขาวต้องการให้มีวงเงินเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 11.19% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4 ตามปีงบการเงิน 2563 ของบริษัท ลดลง 9% สู่ระดับ 1.215 หมื่นล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้และปีหน้า โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.45% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลบ 0.36% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.14%
อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ยังคงปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.77% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.23% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 0.54% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1.23% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.62%
หุ้นโนวาแวกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.12% หลังจากโนวาแวกซ์ได้ทำข้อตกลงร่วมกับบริษัทเอสเค ไบโอไซแอนซ์ ของเกาหลีใต้ เพื่อจัดหาและการพัฒนาสารแอนติเจนที่ใช้ในวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของโนวาแวกซ์
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 963,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1 ล้านราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่มีการรายงานในวันนี้มีจำนวนต่ำกว่า 1 ล้านรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. หลังพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.867 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
****น้ำมัน WTI ปิดลบ 43 เซนต์ หลัง IEA หั่นคาดการณ์อุปสงค์น้ำมัน
ข่าวต่างประเทศ Friday August 14, 2020 06:47 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 43 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 42.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 47 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 44.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจาก IEA ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ โดยเป็นการปรับลดตัวเลขคาดการณ์ครั้งแรกในรอบหลายเดือน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้กระทบอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก
ทั้งนี้ IEA คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่ระดับ 91.1 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ โดยลดลง 140,000 บาร์เรล/วันเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และลดลง 8.1 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อเทียบกับอุปสงค์ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ IEA ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีหน้าสู่ระดับ 97.1 ล้านบาร์เรล/วัน โดยลดลง 240,000 บาร์เรล/วันเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
คณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสโอเปก จะจัดการประชุมในสัปดาห์หน้า ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย กล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่ผู้ผลิตน้ำมันจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มอีกในขณะนี้