ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 15 มิถุนายน 2564  (อ่าน 661 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84880
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $13.7 บอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มิ.ย. 2564)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 13.7 ดอลลาร์ หรือ 0.73% ปิดที่ 1.865.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2564
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 10.7 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 28.039 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 14.2 ดอลลาร์ หรือ 1.23% ปิดที่ 1,165.3 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 24.20 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 2,756.60 ดอลลาร์/ออนซ์
          อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.496% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดราคาทองคำ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
          นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า การร่วงลงของราคาทองคำจะเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ผ่านมา นอกจากนี้ แนวโน้มระยะยาวของราคาทองคำยังคงสดใส เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
          นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 15-16 มิ.ย. โดยเฉพาะการปรับตัวเลขประมาณการด้านเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ และอัตราว่างงานในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะมีขึ้นหลังการประชุมในวันพุธ
          นักวิเคราะห์คาดว่าในการประชุมครั้งนี้เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน
          อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะเริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. และจะเริ่มดำเนินการปรับลด QE ในเดือนธ.ค.หรือต้นปีหน้า ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 3 เซนต์ นลท.ขายทำกำไรหลังราคาพุ่งทำนิวไฮ
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มิ.ย. 2564)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายโดยรวมยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 70.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 72.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเล็กน้อย หลังจากราคาสัญญาพุ่งขึ้นทะลุ 71 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ และแตะที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
          อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายโดยรวมในตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากสหรัฐและยุโรปเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้มีการสัญจรทางอากาศและทางรถยนต์เพิ่มขึ้น และช่วยให้ความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวขึ้นด้วย
          ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ก่อนจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอีกในปีหน้าแตะ 100.6 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในสิ้นปี 2565
          ขณะเดียวกัน IEA คาดว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 5.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2564 และจะเพิ่มขึ้นอีก 3.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2565 หลังจากที่ลดลงมากเป็นประวัติการณ์ 8.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2563
          นอกจากนี้ ฤดูการปิดโรงกลั่นเพื่อซ่อมบำรุงในแคนาดาและทะเลเหนือก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมัน
          นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 85.85 จุด ก่อนเฟดเปิดฉากประชุม
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มิ.ย. 2564)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,393.75 จุด ลดลง 85.85 จุด หรือ -0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,255.15 จุด เพิ่มขึ้น 7.71 จุด หรือ +0.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,174.14 จุด เพิ่มขึ้น 104.72 จุด หรือ +0.74%
          นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 15-16 มิ.ย. โดยเฉพาะการปรับตัวเลขประมาณการด้านเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ และอัตราว่างงานในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะมีขึ้นหลังการประชุมในวันพุธ
          นักวิเคราะห์คาดว่าในการประชุมครั้งนี้เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน
          อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะเริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. และจะเริ่มดำเนินการปรับลด QE ในเดือนธ.ค.หรือต้นปีหน้า ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566
          หุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นแกนลบเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ดิ่งลง 3.35% หุ้นอัลโค คอร์ป ลดลง 1.15% หุ้นซีลด์ แอร์ คอร์ป ลดลง 0.15% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ร่วงลง 1.44%
          หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.36% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 1.19% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลง 1.7% หุ้นโบอิ้ง ลดลง 0.86% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ปรับตัวลง 0.77% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 1.61% หุ้น 3M ปรับตัวลง 0.70%
          อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.46% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.28% หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดขึ้น 1.66% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.78% หุ้นอัลฟาเบท ปรับขึ้น 0.77% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 1.11%
          หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.28% หลังจากนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลาทวีตข้อความว่า เทสลาจะกลับมารับบิตคอยน์สำหรับการซื้อรถยนต์อีกครั้ง หากบรรดาเหมืองขุดบิตคอยน์สามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาใช้พลังงานสะอาดประมาณ 50% ในการขุดบิตคอยน์ นอกจากนี้ คำพูดดังกล่าวของนายมัสก์ส่งผลให้บิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ 40,000 ดอลลาร์เมื่อวานนี้
          นอกเหนือจากการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมพ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค., การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--