ผู้เขียน หัวข้อ: ยางใต้เดือด! ท้าเอาข้อมูลตปท.มายัน ปมยางล้นตลาด-จวก พ.ร.บ.คุมยางมี ทำไมไม่ใช้  (อ่าน 760 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82837
    • ดูรายละเอียด

ยางใต้เดือด! ท้าเอาข้อมูลตปท.มายัน ปมยางล้นตลาด-จวก พ.ร.บ.คุมยางมี ทำไมไม่ใช้




updated: 30 ก.ย. 2557 เวลา 11:00:12 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางเตรียมผนึกกำลังร่วมกับภาคีเครือข่ายชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ เคลื่อนไหวแก้ปัญหาราคายางพาราทั้งระบบ 8 ตุลาคมนี้ เสนอเปลี่ยนตัวคณะทำงานเรื่องยางบางคนที่ทำให้ราคายางตกต่ำมานาน


ที่ห้องประชุมสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางสงขลาเขต1 อ.หาดใหญ่ ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยจำกัด (ชสยท.) ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยมีประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางทั่วประเทศเข้าร่วม โดยมีนายเพิก เลิศวังพง ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด เป็นประธานในการประชุม


สำหรับวาระประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบนั้น ได้กล่าวถึงสถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำ ที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องว่า ในขณะนี้ยังค้างคาใจในเรื่องสต๊อกยางพารา 120,000 ตัน ที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งจากฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐและบริษัทเอกชนที่อ้างว่าเป็นผู้รับซื้อยาง ว่ามีการทำสัญญาซื้อขายกันแล้ว 100,000 ตัน ในราคากิโลกรัมละ 62 บาท


ในขณะที่รัฐบาลเองไม่ได้มีการเปิดเผยในเรื่องนี้อย่างชัดเจน ในขณะเดียวกัน การร้องขอให้มีการตรวจสต๊อกยาง ก็ไม่ได้การดำเนินการ ทั้งที่มียางในสต๊อกเพียงหลักแสนตันเท่านั้น เมื่อเทียบกับข้าว มีอยู่ในสต๊อกกว่า 10 ล้านตัน ยังมีการตรวจสอบได้ เรื่องนี้จะเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้การชี้แจงให้สังคมได้รับทราบ


"นอกจากนั้นปัญหาหนึ่งที่ทำให้ราคายางตกต่ำก็คือการพยายามอ้างอิงข้อมูลจากต่างประเทศว่ายางล้นตลาดทั้งที่หน่วยงานรัฐของเราก็มี และสามารถใช้ พ.ร.บ.ควบคุมยาง เข้าทำการตรวจสอบสต๊อกยางของบริษัทเอกชนได้ทั้งหมด ก็จะมีข้อมูลที่ชัดเจนว่า ยางล้นตลาดโลกจริงหรือไม่


หากสามารถมีข้อมูลมาอ้างอิงที่ชัดเจน ชนกับองค์กรต่างประเทศที่เราใช้อ้างอิงข้อมูลมาโดยตลอด ก็จะมีความชัดเจนว่ายางไม่ได้ล้นแต่อย่างใด ซึ่งจะช่วยให้ราคายางดีขึ้นได้" นายเพิกกล่าว


และว่า "ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมร่วมกับภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อหารือถึงข้อเรียกร้องและกำหนดแนวทางในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะการขอให้เปลี่ยนตัวคณะทำงานเรื่องยาง ที่สังกัดหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพราะบุคคลเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีส่วนทำให้ราคายางตกต่ำมานาน ดังนั้น จึงทำให้การแก้ไขปัญหาราคายางเป็นไปอย่างล่าช้า โดยข้อสรุปที่ได้จากที่ประชุมในวันนั้นจะนำเสนอโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรี"






ที่มา : มติชนออนไลน์