โวยอสย.เบี้ยวจ่ายค่ายางกว่า106ล.
ชาวสวนยางพารา 20 จังหวัดทั่วประเทศร้อง อ.ส.ย.จ่ายเงินค้างชำระกว่า 106 ล้านบาท
เกษตรกรผู้ประกอบการและชุมนุมสหกรณ์ยางพารากว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศเรียกร้องให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) เร่งจ่ายเงินค่าค้างชำระกว่า 106 ล้านบาท หลัง อ.ส.ย.เปิดประมูลรับซื้อตามโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางที่ตลาดกลางยางจังหวัดบุรีรัมย์
นายทวีศักดิ์ อนุศิริ เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงานตลาดกลางยางพาราบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่รัฐบาลเปิดโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2557 ได้มีเกษตรกรผู้ประกอบการและชุมนุมสหกรณ์จากทั่วประเทศนำยางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันมาขายรวมทั้งสิ้น 13,490,191 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 792,832,517 บาท ในจำนวนนี้ อ.ส.ย.ยังค้างจ่ายอยู่กว่า 106 ล้านบาท
ขณะที่บรรยากาศที่ตลาดกลางยางพาราจังหวัดบุรีรัมย์เงียบเหงาไม่มีเกษตรกรแม้แต่รายเดียวนำ มาขาย หลัง อ.ส.ย.ประกาศหยุด รับซื้อยางเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างเป็นฤดูกาลที่ยางผลัดใบและรับซื้อไว้ในปริมาณที่พอสมควรแล้ว ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าที่เข้าคิวขายกว่า 200 คัน/วัน เพราะสูงกว่าราคาซื้อขายตามท้องตลาดกิโลกรัม (กก.) ละ 810 บาท แต่หากนำมาขายที่ตลาดกลางช่วงนี้จะได้ราคาเท่ากับท้องตลาดทั่วไป คือ กก.ละ 4852 บาท
ด้าน นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต สส.จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ปัจจุบันราคายางพาราคงไม่ปรับตัวขึ้น หวือหวาเหมือนอดีตที่ผ่านมา ราคายางแผ่นรมควันคงปรับราคาขึ้นไม่เกิน กก.ละ 80 บาท และน้ำยางสดไม่เกิน กก.ละ 65 บาท เนื่องจากตลาดยางพาราโลกรายใหญ่ คือ จีน ปลูกยางใช้เองได้แล้ว และปัจจุบันสามารถกรีดและผลิตได้ถึง 4 ล้านตัน/ปี เท่ากับว่าไม่ต้องซื้อยางจากไทย
นายนริศ กล่าวอีกว่า รัฐบาลไทยจึงมีความจำเป็นต้องผลิตและแปรรูปยางใช้เองภายในประเทศให้มากขึ้น เช่น นำไปทำถนนซึ่งจะดันราคาสูงขึ้นได้อีก 10-15%
Souce: โพสต์ ทูเดย์ (Th)