โครงการไม่เปิดกรีดต้นยางพาราก่อนกำหนด เริ่มแล้ววันนี้
โครงการไม่เปิดกรีดต้นยางพาราก่อนกำหนด เปิดรับสมัครเกษตรกรชาวสวนยางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือแล้วหลังจากที่มีกระแสข่าวมากมายแสดงความห่วงใยชาวสวนยางพาราต่อการเปิดกรีดยางต้นเล็กหรือต้นยางที่โตไม่ได้ขนาด 50 ซม. ที่จะส่งผลให้ชาวสวนยางต้องสูญเสียรายได้เฉลี่ยมากถึง 11,700-17,600 บาท/ไร่/ปี และมีช่วงเวลากรีดยาง อาจไม่เกิน 15 ปี แทนที่จะกรีดได้ 25-30 ปี หรือมากกว่า
?ราคายางพุ่งชาวสวนเร่งกรีดต้นยางไม่ได้ขนาด สกย.จ.เลย เตือนอาจขาดทุนสูงไร่ละ 3 แสนบาท?, ?ชาวอีสานสบช่องยางราคาพุ่ง เร่งเปิดสวนกรีดก่อนกำหนด?, ?เศรษฐีใหม่สวนยางพรึบอีสาน?, ?บุรีรัมย์เตือนเกษตรกรที่เร่งกรีดยางก่อนกำหนดหลังราคาจูงใจ เสี่ยงทำให้ต้นยางอายุสั้นได้ผลผลิตน้อย?, ?การผลิตยางในพื้นที่ปลูกใหม่กับปัญหาที่ต้องแก้?, ?ชี้กรีดยาง 1 ล.ไร่ก่อนกำหนดสูญแสนล้าน? เหล่านี้เป็นพาดหัวข่าวของสื่อหนังสือพิมพ์ทั้งในรูปแบบออนไลน์/อินเทอร์เนตและไม่ออนไลน์ คงจะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เศรษฐกิจเราเสียหายทั้งประเทศนับแสนล้านกับอุทกภัยในปีนี้ และอีกไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท จากการเปิดกรีดต้นยางที่ไม่ได้ขนาดที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมากมายจนกลายเป็นกระแสที่น่ากลัวในเขตปลูกยางใหม่ทั้งในภาคะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
การเปิดกรีดยางก่อนกำหนด มีผลเสียมากมายมหันต์ ผู้ที่ต้องตกเป็นผู้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงในเรื่องนี้ ก็คือเกษตรกรชาวสวนยางและประเทศชาติ หากเราจะฉายภาพความเสียหายที่ว่าให้ชัดมากขึ้น เราลองมาดูกรณีของการทำสวนยาง สัก 10 ไร่ การเปิดกรีดต้นยางก่อนกำหนดหรือยางต้นเล็ก จะทำให้ชาวสวนยางต้องสูญเสียผลผลิตเนื้อยางแห้ง มากถึงปีละ 1,170-1,760 ก.ก./ไร่ หากคิดเทียบจากราคายาง 100 บาท/ก.ก. ก็จะทำให้ชาวสวนยางสูญเสียรายได้ไปปีละ 117,000-176,000 บาท หรือ อาจจะ 3,000,000-4,000,000 บาทตลอด 25 ปีที่สวนยางมีศักยภาพที่จะให้ผลผลิตได้ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Rubber blog) มูลเหตุของการเปิดกรีดยางก่อนกำหนดมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ เกษตรกรชาวสวนยางขาดแคลนเงินทุนที่จะใช้ในการบำรุงดูแลสวนยางและราคายางพุ่งสูงมากจนเป็นเหตุให้เกษตรกรตัดสินใจเปิดกรีดยางก่อนที่ควรจะเป็น
นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ ที่ภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานกองทุนสงเคราะห์สวนยางหรือ สกย. และธกส. ได้ร่วมกันจัดทำ ?โครงการไม่เปิดกรีดต้นยางพาราก่อนกำหนด? และได้เปิดรับสมัครชาวสวนยางเข้าร่วมโครงการฯตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ? 30 กันยายน 2555 (ดูรายละเอียดโครงการฯที่นี่) live-rubber คิดว่าน่าจะเป็นโครงการที่ดี ที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดและราคายางขณะนี้ ก็ยังไม่ขึ้นไปสู่ระดับสูงที่จะจูงใจให้ชาวสวนยางเผลอใจกระทำการที่จะเป็นการลดความมั่นคงในอาชีพการทำสวนยางพารา อีกต่อไป