ผู้เขียน หัวข้อ: ชาวสวนยางจี้รัฐตรวจ 700 โรงรมยาง - รื้อบัฟเฟอร์ฟันด์  (อ่าน 810 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 88012
    • ดูรายละเอียด
ชาวสวนยางจี้รัฐตรวจ 700 โรงรมยาง - รื้อบัฟเฟอร์ฟันด์



เครือข่ายชาวสวนยางพารากระทุ้งรัฐ ตรวจสอบโรงรมยางสหกรณ์ 700 แห่งหวั่นพ่อค้าแอบสวมสิทธินำยางไปขายในโครงการมูลภัณฑ์กันชนลอต 3 ที่จะเปิดรับซื้อยางในฤดูกาลผลิตใหม่ พ.ค.นี้ พร้อมกำหนดเงื่อนไขผู้ขาย-โควตาจำหน่ายยางให้ชัดเจน




แหล่งข่าวจากที่ประชุมคณะทำงานบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบเปิดเผยว่า ที่ประชุมเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโรงรมยางพาราที่อยู่ในสังกัดของสหกรณ์ ซึ่งในปัจจุบันดำเนินการอยู่เพียง 320 โรงจากจำนวนทั้งหมด 700 โรงทั่วประเทศ เนื่องจากมีปัญหาการบริหารจัดการ ประสบภาวะขาดทุน และขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเอกชนที่จะเข้าไปฟื้นฟูกิจการสหกรณ์และโรงรม เพื่อนำกลับมาผลิตยางแผ่นดิบ และยางแผ่นรมควันไว้รอขายในฤดูกาลผลิตที่จะถึงนี้


นายทรงวุฒิ ดำรงกูล เหรัญญิกคณะกรรมการเครือข่ายชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย (คชยท.) กล่าวว่า โครงการยางพาราที่รัฐบาลจะดำเนินการใหม่ในลอตที่ 3 ปีการผลิต 2558/2559 โดยจะเริ่มฤดูกาลเปิดกรีดหน้ายางใหม่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไปนั้น ทางเครือข่ายชาวสวนยางได้เสนอให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ และวิธีการซื้อยางพาราใหม่ โดยนำแนวทางโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางมาปรับใช้กับโครงการมูลภัณฑ์กันชน (Buffer Fund)


ปัจจุบันยังคงเหลือเงินอยู่อีก 8,000 ล้านบาท ที่จะใช้รับซื้อยางแผ่นดิบ ยางแผ่นรมควันในราคานำตลาดในฤดูกาลเปิดกรีดหน้ายางใหม่ เพื่อให้เงินถึงมือเกษตรกรชาวสวนยางตัวจริง ไม่ใช่ไหลเข้าสู่กลุ่มการค้าขนาดใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลรับซื้อยางพาราในโครงการหมดเงินไปแล้วจำนวน 10,000 ล้านบาท


"โครงการมูลภัณฑ์กันชนลอตที่ 3 ต้องกำหนดกฎเกณฑ์เงื่อนไขให้ชัดเจน เช่น มีการลงทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางพาราหรือผู้ขาย ปริมาณการขายยางต่อวันแต่ละรายมีสวนยางพารากี่ไร่ ผลิตยางได้จำนวนเท่าไหร่แต่ละสถาบันมียางจำนวนเท่าใด และยางต้องมีรหัส เพราะเริ่มมีพ่อค้าบางกลุ่มเคลื่อนไหวจะเข้ามาอยู่ในกลุ่มสหกรณ์ หรือสถาบันเกษตรกร (สวมชื่อ) เพื่อนำยางพารามาขายในโครงการมูลภัณฑ์กันชน เพราะขายได้ราคาดีกว่า" นายทรงวุฒิกล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โครงการมูลภัณฑ์กันชนกำลังประสบปัญหาปริมาณยางเต็มโรงรมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจ้างเอกชนให้ขนย้ายไปเก็บที่โกดังในจังหวัดชลบุรี เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.-25 เม.ย. 58 นี้ ปริมาณทั้งสิ้น 21,479 ตัน


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 58 พลตรีเรืองศักดิ์ สุวรรณาคะ รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ ได้เข้าตรวจโกดังยางลูกขุนโรงรมยาง บริษัท ทองไทย นาบอน จำกัด อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยในการขนย้ายยางลูกขุนขององค์การสวนยาง ที่รับซื้อยางตามโครงการมูลภัณฑ์กันชนมาแปรรูปเป็นยางลูกขุน โดยองค์การสวนยางได้จ้างเหมาบริษัทเอกชนให้ขนย้ายยางไปส่งที่โกดัง ซีแอนด์ที โมดูลาร์ จังหวัดชลบุรี จำนวน 722 เที่ยว เที่ยวละ 30 ตัน ใช้งบประมาณ 27 ล้านบาท


ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 16 มีนาคม 2558)