ผู้เขียน หัวข้อ: ปรับตัว...ฝ่าวิกฤติ ราคายางตกต่ำ  (อ่าน 740 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 88012
    • ดูรายละเอียด
ปรับตัว...ฝ่าวิกฤติ ราคายางตกต่ำ

ปัจจุบัน เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศยังต้องเผชิญปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ถึงแม้ภาครัฐจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือ อาทิ โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพารา และการงดเก็บเงิน CESS ก็ยังไม่สามารถยกระดับราคายางให้สูงขึ้นได้

ซึ่ง ธนาคารโลก (World Bank) ได้คาดการณ์ จีดีพี (GDP) ของจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้ยางรายใหญ่ ในปี 2558 เป็น 7.2% ลดลง 0.2% จึงคาดว่า ราคายางพาราของโลกในปี 2559 จะยังอยู่ในระดับ 2 เหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร และให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตินี้ไปได้

คุณชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่เปิดกรีดยางเพิ่มขึ้น ทำให้มีผลผลิตยางธรรมชาติออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลผลิตประมาณ 4.1 ล้านตัน/ปี โดยภาพรวมไทยมีการส่งออกยางพารา ประมาณ 91.04% ของผลผลิตทั้งหมด ส่วนใหญ่ส่งออกในรูปยางแปรรูปเบื้องต้น คิดเป็น 86% และผลิตภัณฑ์ยาง 5.04%

ขณะที่โลกมีอุปทานส่วนเกิน จำนวน 0.22 ล้านตัน ในปี 2554 และ 0.64 ล้านตัน ในปี 2556 ซึ่งเกิดจากการขยายการผลิตยางพาราของประเทศต่างๆ และไทยมีอุปทานส่วนเกินของประเทศตามโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรฯ ที่มีการซื้อยางพาราเก็บเข้าสต๊อกกว่า 2.1 แสนตัน เป็นสาเหตุทำให้ราคายางตกต่ำลง

นอกจากนั้น ไทยยังมีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่ายางในประเทศน้อย และปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศยังมีไม่มาก เนื่องจากผู้ประกอบการขาดเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทั้งยังขาดการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และขาดบุคลากรด้านยางพาราที่มีความรู้ ความสามารถด้านผลิตภัณฑ์ยางด้วย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาช่วยเหลือเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรกลุ่มน้ำยางสดและยางก้อนถ้วย โดยมอบหมายให้องค์การสวนยางเปิดจุดรับซื้อน้ำยางสด แล้วจ้างโรงงานเอกชนแปรรูปเป็นน้ำยางข้น 60% จำหน่ายออกสู่ตลาด และให้รับซื้อยางก้อนถ้วยผ่านจุดรับซื้อของโรงงานที่องค์การสวนยางกำหนดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อแปรรูปเป็นยางแท่ง STR 20 แล้วเสนอขายผ่านกลไกตลาดประมูลยางสงขลา เพื่อรองรับปริมาณน้ำยางสดที่คาดว่าจะล้นตลาด ประมาณ 6 หมื่นตัน

ซึ่งการนำยางก้อนถ้วยมาแปรรูปเป็นยางแท่ง STR 20 เป็นแนวทางในการเก็บสต๊อกยางไว้ในช่วงราคายางตกต่ำ แล้วค่อยนำออกมาจำหน่ายเมื่อราคาขยับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ายางพารา ดีกว่าจำหน่ายในรูปน้ำยางสดและยางก้อนถ้วย

ขณะเดียวกันยังมีแนวทางการลดปริมาณการผลิตและลดการปลูกยางในพื้นที่ไม่เหมาะสมโดยเร่งสนับสนุนให้โค่นยางที่อายุเกินกว่า25ปี ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 3 ล้านไร่ และส่งเสริมให้ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นทดแทน เช่น ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น
อีกทั้งยังมีมาตรการสนับสนุนให้เกษตรกรที่ปลูกยางในพื้นที่ไม่เหมาะสม ปรับเปลี่ยนการใช้ที่ดินไปสู่กิจกรรมการเกษตรรูปแบบอื่น หรือปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด พร้อมดำเนินการทางกฎหมายและตัดโค่นยางพาราที่ปลูกบุกรุกพื้นที่ป่า ที่มีพื้นที่ประมาณ 3-4 ล้านไร่

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวอีกว่า การส่งเสริมการแปรรูปและเพิ่มปริมาณการใช้ยางธรรมชาติเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาราคายางได้ โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้วางแนวทางส่งเสริมและสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ผลิตยางแผ่นให้กับกลุ่มสหกรณ์ เพื่อแปรรูปยางแผ่นจากการรวบรวมน้ำยางสดของสมาชิกสหกรณ์ เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมทั้งเร่งประสานกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดแนวทางส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการไทย และดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศผ่านกระบวนการส่งเสริมการลงทุนของ บีโอไอ (BOI)

?อีกทั้งยังมีแผนขับเคลื่อนเชิง นโยบายและงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการใช้ยางธรรมชาติในการก่อ สร้างลู่-ลานกรีฑาสนามฟุตซอลสนามเด็กเล่นยางเคลือบสระ/บ่อเก็บกักน้ำ ยางปูพื้นคอกปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้กับถนนและลานจอดรถ บล็อกยางปูพื้น ยางรองรางรถไฟ ล้อรถยนต์นั่ง รถบรรทุก รถที่ใช้ในการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมการใช้ยางธรรมชาติผสมยางมะตอยราดถนน นำร่องถนนภายในหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และขยายผลไปสู่ถนนภายใต้การดูแลรับผิดชอบของ อบต. ทั่วประเทศ เป็นแนวทางเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศสูงขึ้นได้? ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในที่สุด



ที่มา : มติชนออนไลน์ (18/03/2558)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 18, 2015, 10:28:21 PM โดย Rakayang.Com »