กล้ายางพาราขายไม่ออกเกษตรกรขาดทุนยับ
นายอารมณ์ จันทรรักษ์ อายุ 49 ปีอยู่บ้านเลขที่ 67/1 หมู่ที่ 2 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เกษตรกรผู้เพาะต้นกล้ายางพารานับแสนต้นบนเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ กำลังประสบปัญหาราคาต้นกล้ายางพาราตกต่ำเกี่ยวเนื่องมาจากปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำลง เนื่องจากความต้องการของเกษตรกรลดลง จากเดิมเคยขายได้ต้นละไม่ต่ำกว่า15-18บาทปีนี้เหลือเพียง3บาท ทำให้ต้องขาดทุนอย่างหนัก
โดยเกษตรกรส่วนหนึ่งหันไปปลูกปาล์มน้ำมันแทนยางพารา ทำให้ต้นกล้าที่ปลูกไว้อายุกว่า 8 เดือนยังไม่ได้รับการติดตา เพื่อทำเป็นยางตาเขียวและยางชำถุง ซึ่งเกษตรกรยังรอดูท่าทีความช่วยเหลือเรื่องราคายางของรัฐบาล หากราคาขยับขึ้น จะทำให้ต้นกล้ายางพาราขยับขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับช่วงนี้ขาดน้ำหวั่นต้นกล้าจะเหี่ยวเฉา จึงต้องปล่อยให้ต้นกล้ายางพาราเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ หรือจนกว่าจะมีลูกค้ามาสั่งซื้อเพื่อนำไปปลูก ส่วนต้นกล้ายางพาราที่ปลูกไว้มีทั้งยาง600 ยาง251 และพันธุ์มาเลเซีย ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกยาง600 เพราะสามารถกรีดยางผ่าแล้งได้ ทนทานและมีโรครบกวนน้อยกว่า ซึ่งปีที่แล้วสามารถขายต้นกล้ายางพาราได้ต้นละ 5 บาทแต่ปีนี้เกษตรกรยังไม่สามารถขายต้นกล้ายางพาราได้เลยตลอดเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา
นายอารมณ์ จันทรรักษ์ เกษตรกรผู้เพาะต้นกล้ายางพารา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง กล่าวว่า รู้สึกถอดใจแต่ต้องทำต่อเพื่อหวังได้ทุนคืนมาบ้าง จึงอยากฝากรัฐบาลให้ช่วยดูแลเรื่องปัญหาราคายางพาราตกต่ำ เพราะขณะนี้ราคาจากเดิมต้นละ 10 กว่าบาทปีนี้ไม่แน่ใจว่าจะขายได้ถึงต้นละ 3 บาท หรือไม่ โดยเนื้อที่ 8 ไร่มีประมาณ 100,000 ต้น ซึ่งตอนนี้กำลังประสบปัญหาขาดทุนเป็นอย่างมากในรอบ 5 ปี
ที่มา : เนชั่น
วันที่โพสข่าว : 17 มีค. 2558 เวลา 13:55 น.