เงินยางจมแบงก์รัฐกดราคาดิ่ง
อำนวยขู่ทวงงบพยุงราคา-ปรับโครงสร้างการปลูกยางทั้งระบบคืน หลังพบโครงการล่าช้า
นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการพัฒนายางพาราตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อนุมัติตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2557 จนถึงวันที่ 17 มี.ค.2558 ปรากฏว่า โครงการส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
สำหรับโครงการไม่เป็นไปตามเป้า เช่น โครงการส่งเสริมสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพารา 1 หมื่นล้านบาท ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีสถาบันเกษตรกร 209 แห่ง เสนอขอกู้เงินรวม 4,300 ล้านบาท แต่ได้รับอนุมัติเพียง 15 ราย วงเงินกู้ 105 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากสถาบันเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการแปรรูปยาง 1.5 หมื่นล้านบาท ธนาคารออมสินมีการปล่อยกู้เพียง 2 ราย 270 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในส่วนโครงการจูงใจเกษตรกรโค่นยางเก่าปลูกยางใหม่มีพื้นที่เข้าร่วมโครงการ 6.6 หมื่นไร่ จากเป้าหมาย 3.3 แสนไร่ และโครงการปล่อยกู้ให้เกษตรกร 1 แสนบาท/ราย เพื่อเสริมสภาพคล่อง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 112 ราย
?หากโครงการไหนไม่คืบหน้าก็จะได้ทราบว่าติดขัดเพราะอะไร และอาจนำมาสู่การปรับโครงการ หรือนำเงินไปใช้ในโครงการอื่นๆ ที่จำเป็น? นายอำนวย กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณามาตรการต่างๆ ที่ออกมา พบว่า มีเพียงโครงการใช้เงินมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางพาราวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ใช้เงินไปหมดแล้ว โดยรับซื้อยางแผ่นดิบจากเกษตรกรได้ 1.44 แสนตัน
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ราคายางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 ณ ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ อยู่ที่ 63.15 บาท/กิโลกรัม แต่หลังจากนั้นราคายางลดลงต่อเนื่อง โดยวันที่ 20 มี.ค.ราคาลดลงเหลือ 49 บาท/กิโลกรัม
นายอุทัย สอนหลักทรัยพ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ระบุว่า สาเหตุที่ธนาคารต่างๆ ไม่ปล่อยกู้ในโครงการยางพาราของรัฐบาล เนื่องจากกังวลว่าจะเป็นหนี้เสีย และหากนายกรัฐมนตรียังไม่เข้ามาดูเรื่องนี้ ราคายางจะตกต่ำจากปัจจุบันที่อยู่ที่ 49 บาท/กิโลกรัม แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในช่วงปิดกรีดก็ตาม และไม่มั่นใจว่าจุดต่ำสุดรอบนี้จะอยู่ที่เท่าใด
ที่มา หนังสือพิมพ์โพสต์ทุเดย์ ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2557