ผู้เขียน หัวข้อ: กัดฟันฝ่าวิกฤตยางพาราฤดูเปิดกรีดใหม่'เหนือ-อีสาน'เคว้งแปรรูปล่มแห่ขายยางก้อนถ้วย3โลต่ำร้อย  (อ่าน 5092 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87989
    • ดูรายละเอียด
กัดฟันฝ่าวิกฤตยางพาราฤดูเปิดกรีดใหม่'เหนือ-อีสาน'เคว้งแปรรูปล่มแห่ขายยางก้อนถ้วย3โลต่ำร้อย




วันที่ 20/5/58






       เกษตรกรภาคเหนือ-อีสานกัดฟันฝ่าวิกฤตยางพาราฤดูกาลเปิดกรีดใหม่ ระบุนโยบายแปรรูปยางล้มเหลว เกษตรกร 4 จังหวัดภาคเหนือ "เชียงราย-พะเยาน่าน-พิษณุโลก" รอรัฐช่วยเหลือไม่ไหว รวมกลุ่มบุกเจรจาขายยางกับพ่อค้าจีนมณฑลยูนนาน ด้านบึงกาฬมีพื้นที่เปิดกรีดกว่า 7 แสนไร่ เกษตรกรกว่า 90% ยังขายยางก้อนถ้วย 3 โลราคาไม่ถึงร้อยบาท

 นายสวัสดิ์ ลาดปาละ นายกสมาคมเครือข่ายเกษตรสถาบันเกษตรกรยางพาราไทยภาคเหนือ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาคเหนือมีพื้นที่ปลูกยางพารา ประมาณ 8 แสนไร่ ส่วนใหญ่จะปลูกกันมากในจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน พิษณุโลก ในปี 2558 นี้สามารถกรีดยางพาราได้ 50% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งจะมีน้ำยางสดออกสู่ตลาดประมาณ 10,000 ตัน/เดือน และคาดว่าจะมีพื้นที่เปิดกรีดยางใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20%

 4 จว.เหนือเร่ขายยางยูนนาน

 ทั้งนี้ จากปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำต่อเนื่องและรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำให้สมาคมเครือข่ายเกษตรสถาบันเกษตรกรยางพาราไทยภาคเหนือได้นำตัวแทน เกษตรกร 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน พิษณุโลก รวมตัวเข้าไปเจรจาซื้อขายยางพารากับนักธุรกิจเมืองจิ่งหง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เพื่อหาช่องทางการตลาดใหม่และระบายสต๊อกน้ำยางสด รวมถึงส่งออกยางแปรรูปไปจีนผ่านด่านศุลกากรเชียงของ จังหวัดเชียงราย

 "สถานการณ์ราคายางพาราทั่วประเทศยังอยู่ในขั้นวิกฤต เกษตรกรได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ทั้งภาวะหนี้สินที่เพิ่มพูน ภาคเหนือถือว่าเป็นแหล่งปลูกยาพาราน้องใหม่ ยังไม่สามารถกรีดยางได้เต็มพื้นที่ ก็ต้องเผชิญกับราคาที่ตกต่ำ จึงทำให้เกษตรกรใน 4 จังหวัดบุกเจรจาซื้อขายกับจีน โดยไม่รอการช่วยเหลือจากรัฐบาล เพราะที่ผ่านมายังล่าช้าและไม่สามารถแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำได้"

 นายสวัสดิ์กล่าวอีกว่า ราคายางพาราตกต่ำทำให้กำลังซื้อในภาคเหนือภาพรวมชะลอตัวเล็กน้อย เนื่องจากยังได้พืชเศรษฐกิจชนิดที่ราคายังไม่ตกช่วยพยุงกำลังซื้อ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง นอกจากนี้ยังมีภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว เพียงเล็กน้อย ช่วยกระจายรายได้ให้เศรษฐกิจชุมชนขยายตัวอยู่ในกรอบแคบ ๆ ส่วนการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังเดินหน้ากวาดล้างนายทุนที่บุกรุกป่าไม้ เพื่อทำสวนยางพารา

 เชียงรายโอดขายแต่ยางก้อนถ้วย

 ด้านนายสุวิทย์ ใหม่ธิ ประธานเครือข่ายชาวสวนยางพารา จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ปัจจุบันจังหวัดเชียงรายมีพื้นปลูกยางพาราประมาณ 5 แสนไร่ และสามารถกรีดน้ำยาง ได้แล้วประมาณ 150,000-200,000 ไร่ โดยชาวสวนส่วนใหญ่จะจำหน่ายผลผลิตใน รูปแบบยางก้อนถ้วย ไม่ใช่น้ำยาง หรือยางแผ่นดิบเพราะอยู่ไกลแหล่งแปรรูป ขณะนี้ ประสบปัญหาอย่างหนัก เพราะราคาตกต่ำ ปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 20 บาท แต่ราคาต้นทุนที่แท้จริงของยางก้อนถ้วยอยู่ที่กิโลกรัมละ 32 บาท

 "เกษตรกรได้เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยกระตุ้นราคาให้สูงขึ้น ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลอย่างเต็มที่ และยังมีการสนับสนุนการผลิตยางแผ่นรมควันชั้น 3 โดยมีการเปิดจุดรับซื้อเฉพาะที่กองทุนสงเคราะห์การ ทำสวน ที่จังหวัดพะเยา จึงทำให้การแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ ยังไม่ตรงจุด" นายสุวิทย์กล่าวและว่า

 สำหรับนโยบายทวงคืนผืนป่า คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ปลูกยางพาราหลายร้อยไร่ ส่วนเกษตรกร รายเล็กจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะส่วนใหญ่ ปลูกยางพาราในที่ดินที่ถูกกฎหมายที่ได้รับมรดกจากบรรพบุรุษ ด้านกำลังซื้อภาพรวมของจังหวัดเชียงราย แม้จะปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังได้รับผลกระทบจากราคายางพาราตกต่ำ ทำให้ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ แต่ยังมีพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ พยุงไว้ เช่น พืชไร่ ไม้ผล เป็นต้น

 ด้านนายชวลิต สุธรรมวงศ์ ประธาน ที่ปรึกษาฝ่ายเกษตรและแรงงาน หอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบันกำลังซื้อของภาคประชาชนเชียงรายลดลง การผลิตยางพาราในเชียงรายเน้นขายเฉพาะยางก้อนถ้วยหรือขี้ยางเป็นหลัก แต่ไม่ได้แปรรูปเป็นยางแผ่นรมควันเหมือนภาคใต้และภาคตะวันออก ทำให้ขายผลผลิตได้ราคาต่ำ จึงยังจำเป็นต้องพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพดี ควบคู่ไปกับการแปรรูปในอนาคตบึงกาฬจ่อโค่นต้นยางทิ้ง 3,000 ไร่

 นายสิริชัย ห่านวิบูลย์พงษ์ กรรมการสมาคมเครือข่ายเกษตรกรสถาบันเกษตรกรยางพาราไทย จังหวัดบึงกาฬกล่าวว่า ขณะนี้ เกษตรกรในจังหวัดบึงกาฬประมาณ 60-70% เริ่มเปิดกรีดยางในฤดูกาลใหม่แล้ว แต่มีพื้นที่เปิดกรีดน้อยลงเมื่อเทียบกับ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกษตรกรได้รับผล กระทบจากราคายางที่ลดลง รวมทั้ง ยังมีปริมาณยางที่ค้างสต๊อกอยู่เป็นจำนวนมาก จึงไม่ต้องการกรีดเพิ่มในช่วงที่ราคา ไม่ดี

 ทั้งนี้ บึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีการปลูกยางพารามากเป็นอันดับ 1 ของภาคอีสาน ประมาณ 8.8 แสนไร่ เปิดกรีดได้ 7.4 แสนไร่ จึงทำให้ภาคเศรษฐกิจตอนนี้ได้รับผลกระทบอย่างมาก ประชาชนไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงใกล้เปิดเทอม มีเกษตรกรจำนวนมากต้องเปลี่ยนไปทำอาชีพรับจ้าง ก่อสร้าง กระจายไปตามจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน อีกทั้งยังมีเกษตรกรที่ตัดสินใจยื่นความประสงค์จะโค่นต้นยางทิ้งแล้วกว่า 3,000 ไร่

 อย่างไรก็ตาม อาจมีปัญหาเรื่องเงินชดเชยไม่เพียงพอ ตามโครงการชดเชยรายได้ แก่เกษตรกรชาวสวนยางไร่ละ 16,000 บาท จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องดังกล่าวด้วย

 "ส่วนใหญ่เกษตรกว่า 90% ในจังหวัดบึงกาฬยังขายยางก้อนถ้วยอยู่ ปัจจุบันราคา 30-31 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรค่อนข้างพอใจ แต่สำหรับการแปรรูปเป็นยางแผ่นหรือยางเครปนั้นยังมีน้อย รวมทั้ง การแปรรูปเป็นยางแผ่นก็ยังมีต้นทุนสูงกว่าราคาขาย 15-16 บาท ส่วนโรงงานที่รับแปรรูปยางพารานั้นก็มีไม่มากนัก" นายสิริชัยกล่าว

 ทั้งนี้ ความหวังของชาวสวนยางในขณะนี้ คือ พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ... ที่กำลังรอประกาศบังคับใช้ หากกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้จะช่วยสนับสนุนให้การบริหารอุตสาหกรรมยางพารา เป็นไปอย่างครบวงจรและเป็นระบบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั่วประเทศจะบูรณาการร่วมกัน เพื่อช่วย ส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางพารา ให้ได้จริง และช่วยระบายสต๊อกยาง ในประเทศที่ค้างอยู่กว่า 2.1 แสนตัน ในขณะนี้ด้วย

 เกษตรกรอุดรฯเมินแปรรูปยาง

 ด้านนายพยุงศักดิ์ อภิรัตนกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จังหวัดอุดรธานี (สกย.อุดรธานี) เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรทยอยเปิดกรีดยางแล้ว ตั้งแต่หลังสงกรานต์ โดยอุดรธานีมีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 360,826 ไร่ ส่วนการส่งเสริมให้เกษตรกรแปรรูปยางพารานั้น เนื่องจาก 97% เป็นยางก้อนถ้วย ซึ่งเกษตรกรมองว่าการผลิตไม่ยุ่งยากเมื่อเทียบกับยาง แผ่นดิบที่ต้องลงทุนเพิ่มทั้งโรงเรือน เครื่องจักร ไม่สบายเหมือนกรีดยางแล้วส่งขายได้ทันที

 ข้อมูลจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี (ตุลาคม 2557) ระบุว่า โรงงานแปรรูปยางพาราในจังหวัดอุดรธานีมีทั้งสิ้น 12 ราย ได้แก่ 1.บริษัท กว่างเขิ่น รับเบอร์ (แม่น้ำโขง) จำกัด รับวัตถุดิบยางก้อนถ้วยและยางแผ่นดิบ 2.บริษัท ซูมิรับเบอร์ ไทยอีสเทิร์นคอร์ปอเรชั่น จำกัด รับวัตถุดิบยางถ้วย/เศษยางพารา 3.บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) รับวัตถุดิบยางแผ่นรมควัน 4.บริษัท ไทยารี รับเบอร์ จำกัด รับวัตถุดิบยางแผ่นดิบ 5.บริษัท มหากิจรับเบอร์ จำกัด รับวัตถุดิบยางแผ่น

 6.บริษัท เรืองอุทัย จำกัด รับวัตถุดิบน้ำยางดิบ 7.บริษัท วงศ์บัณฑิต อุดรธานี จำกัด รับวัตถุดิบยางแผ่นดิบ เศษยาง 8.บริษัท ศรีตรังแอโกร อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) รับวัตถุดิบเศษยางพารา 9.บริษัท สยาม อะกริคัลเจอร์ เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด รับวัตถุดิบยางแผ่นดิบ 10.บริษัท ฮิมสยาม อิมพอร์ท เอ๊กพอร์ท จำกัด รับวัตถุดิบเศษยางพารา 11.ร้านพงษ์เจริญการเกษตร รับวัตถุดิบเศษยางพารา 12.องค์การสวนยาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับวัตถุดิบยางก้อนถ้วยและยางแผ่นดิบ

 20 พ.ค.ถกปัญหาไล่โค่นต้นยาง

 ขณะที่นายพิพัฒน์ ชนินทยุทธวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการแปรรูปไม้ยางพารา เนื่องจากขณะนี้ชาวบ้านบางส่วน ที่ถูกโค่นต้นยางเดือดร้อนมาก จึงต้องมาคุยกันอีกครั้งว่าจะประนีประนอมอย่างไร เพราะนโยบายเบื้องต้นจะต้องดำเนินการกับกลุ่มนายทุนที่รุกป่าก่อน โดยกรมป่าไม้จะเป็นผู้เข้าอายัดและโค่นต้นยาง ส่วน อ.อ.ป. เป็นผู้แปรรูป อย่างไรก็ตาม มีหนังสือให้ร่วมประชุมกับกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกองทัพ ที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ เพื่อกำหนดนโยบายที่ชัดเจนอีกครั้ง

 บรรยายใต้ภาพ

 ยางก้อนถ้วย - แม้ราคายางพารายังอยู่ในภาวะขาลง แต่เกษตรกรและชาวสวนยางในภาคเหนือและภาคอีสานก็เริ่มเปิดกรีดแล้ว ส่วนใหญ่ยังคงจำหน่ายผลผลิตในรูปแบบยางก้อนถ้วย เพราะไม่สามารถที่จะแปรรูปเป็นยางแผ่นดิบหรือยางแผ่นรมควัน เนื่องจากต้องลงทุนด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ และโรงเรือนจำนวนมาก               



 
 ประชาชาติธุรกิจ (Th)