ผู้เขียน หัวข้อ: สู้ชีวิตกันต่อไป! ราคายางร่วง หันเลี้ยงกบ เสริมรายได้ดูแลปากท้อง  (อ่าน 785 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87931
    • ดูรายละเอียด
สู้ชีวิตกันต่อไป! ราคายางร่วง หันเลี้ยงกบ เสริมรายได้ดูแลปากท้อง


วันที่ 08 มิถุนายน  พ.ศ. 2558 เวลา 12:24:13 น.


8 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ถึงช่วงเปิดหน้ายางของเกษตรกรชาวสวนยาง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร แล้วแต่ราคายางกลับไม่กระเตื้อง โดยเฉลี่ยรับซื้อราคายางก้อนถ้วยละ 33- 35 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งไม่เพียงพอต่อรายได้ของเกษตรกรที่แบกรับหนี้สินของครัวเรือนและปากท้องในแต่ละวัน จึงต้องดิ้นรนทำอาชีพต่างๆเสริมควบคู่กันไป เช่นเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ในสวนยางพารา บางราย ต้องออกไปหารับจ้างรายวัน แม้กระทั่งเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ในสวนยางก็มีเพื่อความอยู่รอด


http://www.matichon.co.th/online/2015/06/14337404521433740586l.jpg

ในจำนวนนี้ นางเกศรินทร์ แสงโยธา ผู้ใหญ่บ้านทานตะวัน อ.สว่างแดนดิน ซึ่งมีพื้นที่สวนยางพารา 20 ไร่ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จึงศึกษาข้อมูลการทำเกษตรเสริมควบคู่กับการกรีดยางพารา ด้วยการหันมาเลี้ยงกบพื้นบ้านในขวดพลาสติกขาย โดยระบุว่า ด้วยเวลาที่มีน้อยส่วนมากจะใช้ไปกับการดูแลรักษาต้นยางและกรีดยางพารา แต่การเลี้ยงกบนั้นใช้เวลาน้อย ดูแลรักษาง่ายและทนต่อสภาพอากาศ ใช้พื้นที่เพียงน้อยนิด แม้เป็นครัวหลังบ้านที่จำกัดก็สามารถทำได้


http://www.matichon.co.th/online/2015/06/14337404521433740591l.jpg

นาง เกศรินทร์ กล่าวว่า หลังแบกรับค่าใช้จ่ายจากการกรีดยางพาราไม่ไหว ตนได้ตัดสินใจเลี้ยงกบในขวดพลาสติกโดยการศึกษาจากอินเตอร์เน็ตและการสนับ สนุนจากหน่วยพัฒนาชุมชนสกลนครเข้ามาช่วยเหลือเรื่องวิธีเลี้ยงและช่องทาง จำหน่าย จึงเริ่มออกตระเวนกว้านซื้อขวดน้ำอัดลมพลาสติกขนาด 1.25 ลิตร หรือขวดน้ำเปล่าพลาสติกขนาด 1 ลิตร ในราคาขวดละ 1-2 บาท หรือไปงานที่ไหนตามสถานที่ต่างๆ จากนั้นนำขวดมาเจาะรูเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 เซนติเมตร เจาะตั้งแต่กลางขวดมาจนถึงคอขวด เจาะรูขวดละประมาณ 6-7 รู โดยระยะห่างตามความเหมาะสม แล้วทำชั้นวางขวดพลาสติกเลี้ยงกบจากวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่ราคาไม่แพง เช่น ไม้ยูคาลิบตัส ท่อพีวีซี ประกอบเป็นชั้นวางขนาดยาว 2.50 เมตร สูง 2 เมตร ซึ่งขนาดชั้นวางดังกล่าว จะวางขวดพลาสติกได้ 400 ขวด


http://www.matichon.co.th/online/2015/06/14337404521433740595l.jpg

เมื่อเตรียมสถานที่เลี้ยงเสร็จก็ให้ไปซื้อพันธุ์กบพื้นบ้าน ขนาด 1 เดือนขึ้นไป ราคา 1-1.30 บาท นำมาบรรจุใส่ขวดที่เตรียมไว้ 1 ตัว ต่อ 1 ขวด ปิดฝาแล้วนำไปวางไว้ในชั้นวาง เติมน้ำลงไปในขวดให้พอทีท่วมตัวกบ การวางขวดต้องให้วางขวดในลักษณะเอียง ประมาณ 25-30 องศาป้องกันน้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงกบไหลออก

ส่วนสถานที่เลี้ยงต้องอยู่ในร่มและอากาศถ่ายเท การให้อาหารให้ใช้อาหารเม็ดสำหรับลูกกบ 3-4 เม็ด ต่อ 1 ตัว เช้า-เย็น หากกบโตแล้ว ก็สามารถให้อาหารธรรมชาติเสริมเช่นไรแดงแพงตอนหรือพวกแมลงขนาดเล็กต่างๆ ที่มาตอมไฟตามบ้าน การเปลี่ยนน้ำในขวดเพื่อความสะอาดควรเปลี่ยน 2-3 วัน ต่อครั้ง การเลี้ยงจะใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน ก็สามารถนำกบไปประกอบอาหารและนำไปขายได้ ซึ่ง 1 ตัวจะหนัก 3-4 ขีด ซื้อขาย ตกกิโลกรัมละ 90-100 บาท หากเลี้ยง 400 ตัว จะขายได้ 10,000-11,000 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ ไม่เกิน 2,000 บาท จากค่าหัวอาหาร หรือหากขยันหรือมีเวลามากก็ขยายการเลี้ยงเพิ่มขึ้นได้


http://www.matichon.co.th/online/2015/06/14337404521433740600l.jpg

ทั้งนี้การเลี้ยงกบขวดพลาสติก ก็เป็นที่สนใจของเพื่อนชาวสวนยางด้วยเช่นกัน เนื่องจากดูแลง่าย กบมีผิวเหลืองนวลไม่ดำสำหรับบางคนที่ไม่ชอบกบผิวสีดำ อีกทั้งเนื้อกบเลี้ยงในขวดพลาสติกยังอ่อนนุ่มไม่มีกลิ่นคาวมากนัก

นำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กบย่าง กบป่นแห้ง ทำได้หลายเมนู ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อเลี้ยงแล้วจะไม่มีที่ขาย สามารถขายปลีกในหมู่บ้านหรือนำไปขายตลาดก็ขายดีเพราะปัจจุบันกบจะหารับประทานยาก

ส่วนกบธรรมชาติเนื้อจะเหนียวเพราะกบพึ่งขึ้นจากการจำศีลเพื่อเอาตัวรอดจากฤดูแล้ง แต่ถ้าเป็นกบขวดพลาสติก หากมีการเลี้ยงปริมาณมากหรือแพร่หลาย ก็จะหาซื้อรับประทานได้ตลอดทั้งปี และยังเป็นการรักษาสมดุลของธรรมชาติจากการที่ชาวบ้านตระเวนออกจับกบมาขาย

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่สนใจโดยเฉพาะผู้ที่หารายได้เสริมเช่นเดียวกับตนที่มีการเลี้ยงกบพลาสติกในพื้นที่แคบๆหลังบ้าน ควบคู่กับการกรีดยางพารา เพื่อหารายได้เสริมก็สามารถมาศึกษาโดยการติดต่อได้ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน บ.ทานตะวัน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร 081-957-2019