หนุนสวนยางรวมกลุ่มตั้งนิติบุคคลขอสินเชื่อสร้างโรงงานแปรรูป-เพิ่มอำนาจต่อรอง
นายวีระพันธ์ ดวงแป้น ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) จ.สงขลา เขต 1 เปิดเผยว่า เกษตรกรชาวสวนยางใน จ.สงขลา ให้ความสนใจขอรับเงินสงเคราะห์ในการปลูกปาล์มน้ำมันทดแทนยางพาราเพิ่มมาก ขึ้น เพราะราคายางตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2558 ตั้งเป้าที่จะให้ปลูกปาล์มน้ำมันทดแทนยาง 1,500 ไร่ แต่มีเกษตรกรยื่นขอรับเงินสงเคราะห์แล้วถึง 2,000 ไร่ เนื่องจากเห็นว่าปาล์มน้ำมันมีราคาดี เป็นพืชที่มีอนาคต ส่วนเกษตรกรจะได้รับเงินสงเคราะห์ทั้งหมดหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาถึงภาพรวมของประเทศด้วยว่า จังหวัดอื่นๆ สามารถเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ถ้าหากต่ำกว่าเป้าหมาย ก็สามารถโอนโควต้าให้จังหวัดสงขลาได้ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรที่ขอปลูกปาล์มน้ำมัน อาจจะได้รับเงินสงเคราะห์ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่ จ.สงขลา ที่โค่นสวนยางพารา ยังขอรับเงินสงเคราะห์เพื่อปลูกยางพาราเช่นเดิม เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญ และผูกพันกับยางพารามาหลายชั่วอายุ จนกลายเป็นวิถีชีวิต ดังนั้น หากจะให้ปลูกพืชอื่นๆ ทดแทน จะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เพราะเกษตรกรไม่มีความชำนาญ จะมีเพียงเฉพาะปาล์มน้ำมันเท่านั้น ที่เกษตรกรให้ความสนใจ
สำหรับเกษตรกรที่ยื่นรับเงินสงเคราะห์เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันแทนยางพารานั้น จะได้รับเงินไร่ละ 26,000 บาท แต่โค่นสวนยางแล้วปลูกยางใหม่ หรือปลูกพืชยืนต้นอื่นๆ ทดแทน จะได้รับเงินสงเคราะห์ไร่ละ 16,000 บาท ซึ่งสกย.พยายามที่ส่งเสริมเกษตรกรปลูกยางพันธุ์ดีให้ผลผลิตสูง จากเดิมในพื้นที่ภาคใต้ที่นิยมปลูกพันธุ์ RRIM 600 เปลี่ยนเป็นพันธุ์ RRIT 251 ที่ให้ผลผลิตสูงกว่า ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง และเกษตรกรสามารถอยู่ได้ แม้ราคายางจะตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม สกย. ได้เร่งส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นนิติบุคคล เพื่อขอรับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสร้าง โรงงานในการแปรรูปยางพาราเป็นยางแผ่นรมควัน ยางอัดก้อน ยางเครพ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น และเพิ่มอำนาจการต่อรองในตลาดได้ เพราะหากเกษตรกรสามารถรวมกลุ่มเป็นนิติบุคคล ตั้งโรงงานแปรรูปยางได้ ก็จะช่วยดึงน้ำยางสดออกจากตลาด เพื่อนำไปแปรรูป จะมีผลทางจิตวิทยา ทำให้พ่อค้าเพิ่มราคารับซื้อน้ำยาง เพราะเกรงว่าน้ำยางจะขาดตลาด ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ราคายางในตลาดเพิ่มสูงขึ้นได้
แนวหน้า (Th)