พาณิชย์ลุยภาคใต้เตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -16 มิ.ย. 58 15:47 น.
พลเอก ดิฏฐพร ศศะสมิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ของคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ สำรวจศักยภาพโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และการอำนวยความสะดวกทางการค้าทั้งทางบกและทางน้ำในจังหวัดสงขลา เพื่อสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลาและการค้าชายแดนทางภาคใต้ซึ่งติดต่อกับประเทศมาเลเซีย
ในการตรวจเยี่ยมพื้นที่ท่าเรือสงขลา ซึ่งเป็นท่าเรือที่รัฐบาลให้สัมปทานเอกชนดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2531 โดยวัตถุประสงค์หลักให้เป็นท่าเรืออเนกประสงค์ มีขีดความสามารถในการให้บริการสินค้าผ่านท่าเรือ 1.9 ล้านตัน/ปี บริการตู้คอนเทนเนอร์ได้ 175,000 ตู้/ปี เรือที่ใช้บริการเทียบท่าเป็นเรือสินค้าทั่วไป เรือคอนเทนเนอร์ เรือสินค้าห้องเย็น เรือซัพพลาย เรือลำเลียง สินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นไม้เฟอร์นิเจอร์ อาหารกระป๋อง ยางพารา ถุงมือยาง สินค้าแช่แข็ง ส่วนสินค้านำเข้าเป็นจำพวกสินค้าแช่แข็ง เครื่องจักรกล อาหารสัตว์ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
?? นายวัฒนชัย เรืองเลิศปัญญากุล ผู้อำนวยการท่าเรือสงขลา เปิดเผยว่า ท่าเรือสงขลาดำเนินการมากว่า 20 ปี ให้บริการสำหรับเรือขนส่งสินค้า (Feeder) ไปขึ้นเรือใหญ่ที่สิงคโปร์ และส่งสินค้าไปยังประเทศคู่ค้าทั่วโลก ซึ่งมีประเด็นที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้การบริการของท่าเรือสงขลามีประสิทธิภาพสามารถแข่งขันได้ โดยจะนำเสนอรัฐบาลเพื่อขอลงทุนติดตั้งปั้นจั่น ณ ท่าเรือ (ปัจจุบันท่าเรือสงขลายังไม่มีปั้นจั่นติดตั้งบริการหน้าท่า) ในขณะที่ท่าเรืออื่นๆ ส่วนใหญ่ให้บริการเรือขนส่งโดยมีการติดตั้งปั้นจั่นหน้าท่า ซึ่งจำเป็นจะต้องเพิ่มการลงทุนประมาณ 1,800 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงท่าเรือและติดตั้งปั้นจั่น ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าวภาคเอกชนมีความพร้อมที่จะลงทุน แต่ยังมีข้อกังวลในการขอต่ออนุญาตการรับสัมปทานจากภาครัฐ
?? สำหรับความพร้อมในการอำนวยความสะดวกทางการค้า ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมด่านปาดังเบซาร์ ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา และด่านวังประจัน จังหวัดสตูล ในช่วงวันที่ 11 ? 12 มิถุนายน 2558 พบว่า ด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งดูแลการเข้าออกสินค้าผ่านทางรถไฟและรถยนต์ โดยจะเน้นทางรถไฟ (ทางราง) เป็นหลัก โดยมีการขนส่งสินค้าผ่านทางรางปีละประมาณ 120,000 ตู้ มีมูลค่าการค้าชายแดนปีละกว่า 150,000 ล้านบาท ขณะนี้ทางด่านได้ติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์สินค้า เพื่อตรวจสอบขณะรถไฟแล่นผ่าน อีกทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการปรับและขยายพื้นที่ด่าน และเสนอโครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่เชื่อมจากหาดใหญ่ไปยังสถานีบัตเตอร์เวิร์ทและส่งต่อไปท่าเรือปีนังได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ส่วนด่านสะเดาซึ่งเป็นด่านที่มีมูลค่าการค้าสูงสุด คือ ประมาณปีละกว่า 500,000 ล้านบาท ขณะนี้มีความพร้อมในการรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษสงขลา เนื่องจากได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินการปรับปรุงด่าน แยกการขนคนและขนส่งสินค้าออกจากกัน มีศูนย์บริการของหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบสินค้าอยู่สถานที่เดียวกัน (One Stop Service) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2559 ส่วนด่านวังประจันเป็นด่านขนาดเล็ก ดูแลการเข้าออกของคนและสินค้าที่พาหนะเป็นรถบรรทุกขนาดเล็กในการขนส่ง เนื่องจากถนนในฝั่งมาเลเซียก่อนถึงด่านวังประจันค่อนข้างคดเคี้ยวจึงเหมาะสำหรับเป็นเส้นทางสำหรับการท่องเที่ยวมากกว่าการขนส่งเพื่อการค้า
?? พลเอก ดิฏฐพร ศศะสมิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงท่าเรือสงขลาเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลาได้อีกทางหนึ่ง จึงให้ผู้บริหารท่าเรือสงขลารีบดำเนินการในเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว ด้านความพร้อมของด่านศุลกากรทั้งด่านปาดังเบซาร์และด่านสะเดา ขณะนี้มีความพร้อมทั้งในด้านบุคลากรและพื้นที่รองรับการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุน
เรียบเรียง โดย สุรเมธี มณีสุโข
อีเมล์. suramatee@efnancethai.com อนุมัติ โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน