ผู้เขียน หัวข้อ: ธุรกิจ"กล้ายาง"อ่วม! มือสมัครเล่นขาดทุนระนาว เหลือต้นไม่ถึง30บ. !  (อ่าน 911 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87920
    • ดูรายละเอียด
ธุรกิจ"กล้ายาง"อ่วม! มือสมัครเล่นขาดทุนระนาว เหลือต้นไม่ถึง30บ. !
วันที่ 23 มิถุนายน  พ.ศ. 2558 เวลา 15:44:41 น

หมดยุคทองธุรกิจกล้ายาง ผลพวงราคาน้ำยางตกต่ำ เหลือต้นละไม่เกิน 30 บาท เกษตรกรใต้กระอัก ลงทุนเหนือ-อีสานเจ๊งยับ หมดหนทางถึงขั้นขายบ้านที่ดินแถมกล้ายางฟรี ขณะที่ผู้ประกอบการมือสมัครเล่นต้องเลิกอาชีพเกือบ 100% ด้านส่งออกชะลอตัว ทั้งในและต่างประเทศ

http://www.matichon.co.th/online/2015/06/14350234651435023482l.jpg


นายโสภณ ดำจุ้ย เจ้าของแปลงเพาะชำต้นกล้ายางพารา จังหวัดตรัง ผู้ผลิตต้นกล้ายางรายใหญ่ภาคใต้ และภาคเหนือ เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กลุ่มตนได้ลงทุนสร้างแปลงเพาะพันธุ์ต้นกล้ายางตั้งแต่ปี 2547 นอกจากลงทุนทางภาคใต้แล้ว ได้ขยายไปลงทุนทางภาคเหนือ และภาคอีสาน โดยผลิตต้นกล้ายางปีละ 400,000 ต้น แต่มาในปี 2558 ได้ลดการผลิตลงมาเหลือ 350,000 ต้น เพราะมีผลกระทบหลายด้าน เช่น ภาวะแล้งยาวขาดแหล่งน้ำ ซึ่งทำให้ต้นกล้าได้รับความเสียหายมาก ยางราคาตกต่ำเหลือ 3 กิโลกรัม 100 บาท อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายยึดคืนผืนป่าด้วยการโค่นยาง ทำให้ผู้ลงทุนที่จะปลูกยางไม่กล้าตัดสินใจลงทุนทำสวนยาง สั่งซื้อต้นกล้ายาง และแม้กระทั่งซ่อมแซมยางทำให้ตลาดต้นกล้ายางได้รับผลกระทบอย่างหนัก ขณะที่ในปีอื่น ๆ แม้ว่ายางจะมีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ แต่ตลาดต้นกล้ายังอยู่ในระดับทรงตัว

นายโสภณกล่าวอีกว่า ในปีนี้ยอดขายต้นกล้ายางของผู้ประกอบการผลิตต้นกล้าในกลุ่มตนหายไปประมาณ75% ทุกพื้นที่ตั้งแต่ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคเหนือ โดยเฉพาะทางภาคอีสาน และภาคเหนือ ที่เป็นผู้ประกอบการผลิตต้นยางจากภาคใต้กว่า 95% ได้รับผลกระทบทั้งหมด เฉพาะในกลุ่มตนลงทุนไป 25-30 ล้านบาท แต่มีรายได้เพียง 3-5 ล้านบาท กระทั่งขณะนี้ผู้ประกอบการหลายรายต้องบอกขายกิจการ บ้าน และที่ดิน และยังแถมต้นกล้ายางให้เปล่าด้วย

แหล่งข่าวจากผู้เพาะพันธุ์กล้ายางขนาดเล็กเปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีผู้ที่ทำธุรกิจกล้ายางเหลืออยู่บ้าง ส่วนมากเป็นผู้ประกอบการรายเก่าที่ยังมีลูกค้าที่เป็นตลาดท้องถิ่นตลาดรายย่อย กลุ่มซ่อมแซมสวนยาง แปลงยางขนาดเล็ก กลุ่มที่จะลงทุนทำเป็นอาชีพเสริมกลุ่มที่จำหน่ายให้กับผู้ทำสงเคราะห์โค่นยางเก่าครบอายุปลูกใหม่แทน และสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ที่แต่ละปีมีเป้าหมาย 400,000 ไร่ อย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการมือสมัครเล่นต่างชะลอ และยุติการผลิตกล้ายางแล้ว 90-95% ทั้งประเทศ ขณะที่ยังทำอยู่คือผู้ประกอบการมืออาชีพที่ทำยางครบวงจร เป็นทั้งเจ้าของสวนยาง เจ้าของแปลง และเพาะพันธุ์ติดตายางเอง

สำหรับราคาต้นกล้ายางในปัจจุบันใกล้เคียงกับปี 2557 โดยพันธุ์ RRIM 600 ราคาอยู่ที่ต้นละ 15-20 บาท พันธุ์ RRIT251 ราคาต้นละ 20-25 บาท และพันธุ์บัดดิ้ง ราคาต้นละ 25-30 บาท ขณะที่ต้นกล้ายางราคาสูงสุดเมื่อช่วงปี 2553-2554 ราคาอยู่ที่ต้นละ 80-120 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วย

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า การส่งออกต้นกล้ายางไปยังต่างประเทศขณะนี้ถือว่าชะลอตัวทั้งในประเทศลาวกัมพูชา เวียดนาม และจีน ขณะที่ต้นกล้ายางภาคใต้จากเดิมที่ส่งไปขายยังภาคอีสาน ภาคเหนือ ต่างต้องชะลอตัวเช่นกัน เพราะทั้งอีสาน เหนือ สามารถเพาะพันธุ์เองได้แล้ว

จากราคาต้นกล้ายางต่ำลง ทำให้ราคาเมล็ดยางนำเข้าที่เคยมีราคาสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 20-30 บาท และเมล็ดยางในประเทศ 15-20 บาท ปัจจุบันราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10 บาท แต่ถึงขณะนี้เมล็ดยางไม่มีราคาแล้ว


ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 23, 2015, 08:21:03 PM โดย Rakayang.Com »