ผู้เขียน หัวข้อ: (เพิ่มเติม) ไชน่าฯยอมปรับสัญญารับยางวงการส่งซิกท้ายปีดีดราคาขยับ  (อ่าน 1497 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87898
    • ดูรายละเอียด
ไชน่าฯยอมปรับสัญญารับยางวงการส่งซิกท้ายปีดีดราคาขยับ

ยักษ์ใหญ่จีน "ไชน่า ไห่หนาน" ยอมปรับสัญญารับมอบยางบิ๊กล็อตจากรัฐบาลไทยใหม่ ยันจากนี้รับมอบครั้งละ 1 หมื่นตัน จนกว่าจะหมดแถมต้องรับภาระค่าเช่าโกดังเอง หากผิดสัญญาเจอค่าปรับ 43 ล้านบาท/เดือน ทั้งริบเงินประกันซื้อยาง 100 ล้านบาท ผู้ว่าการ กยท. ระบุวางแอล/ซีรับมอบยางล็อตใหม่ในอีก 2-3 วัน ด้านวงการค้ายางลุ้นปลดล็อกสต๊อก มั่นใจดันราคายางในนอกขยับ

จากที่สัญญาการรับมอบยางเก่าในสต๊อก รัฐบาล 2.08 แสนตัน (แยกเป็นยางแผ่นรมควัน 1.76 แสนตัน และยางแท่ง STR20 จำนวน 3.2 หมื่นตัน) ระหว่างองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) กับบริษัท ไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ อินดัสทรี กรุ๊ป จำกัด จากประเทศจีนได้สิ้นสุดลงในวันที่ 21 กันยายน 2558 (สัญญาส่งมอบ 10 เดือน นับตั้งแต่ 21 พ.ย. 2557) แต่การดำเนินการรับมอบยางในช่วงที่ผ่านมายังเป็นไปอย่างล่าช้า โดยล่าสุดทางบริษัทได้รับมอบยางไปแล้วประมาณ 2.3 หมื่นตัน ยังเหลือที่ยังไม่ได้รับมอบอีกประมาณ 1.85 แสนตัน

นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยกับ ?ฐานเศรษฐกิจ?ว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ทาง กยท.ได้เชิญผู้บริหารของบริษัท เอ็มทีเซ็นเตอร์เทรด จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทน/นายหน้าซื้อขายยางให้กับไชน่าไห่หนาน ซึ่งเป็นคู่สัญญาซื้อขายยางพาราจากรัฐบาลไทยในล็อตดังกล่าว ทั้งนี้ได้ข้อสรุปที่สำคัญคือ ทางไชน่าไห่หนานพร้อมจะรับมอบยางให้ครบตามจำนวน โดยในสัญญาใหม่มีเงื่อนไขบริษัทจะต้องรับมอบยางครั้งละ 1 หมื่นตัน รวมถึงบริษัทจะต้องรับภาระค่าเช่าคลัง/โกดังเก็บยางเอง (ค่าเช่าประมาณเดือนละ 14.8 ล้านบาท จากจำนวนยางที่เหลือ 1.85 แสนตัน)จากเดิม อ.ส.ย.เป็นผู้รับภาระ

?ทางนายจุ้ง เชียง เฉิน ผู้แทนของบริษัทเอ็มทีฯ ยืนยันว่าทางไชน่าไห่หนานพร้อมรับมอบยางตามสัญญาใหม่และจะมาวางแอล/ซีเพื่อ ชำระเงินค่าสินค้าในล็อตใหม่ในอีก 2-3 วันข้างหน้า ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการประเมินสภาพและราคาซื้อขายยางในโกดัง ยกตัวอย่างราคายางประเมินที่กิโลกรัมละ 55 บาท ทางบริษัทจะต้องนำเงินมาวางแอล/ซีเพื่อยืนยันการรับมอบยาง 55 ล้านบาท(ยาง 1 หมื่นตัน) บวกกับค่าเช่าโกดังในปริมาณยางที่เหลือ ซึ่งหากทางบริษัทรับมอบยางเร็ว ค่าเช่าโกดังก็จะลดลงเรื่อยๆ ตามปริมาณยางที่เหลือ จนรับมอบเสร็จ 1.8 แสนตันก็หมดภาระ?

ก่อนหน้านี้ทาง กยท. ได้เสนอขายยางให้ไชน่าไห่หนาน โดยให้บริษัทรับมอบสินค้าให้แล้วเสร็จในครั้งเดียว แต่ทางบริษัทยอมรับว่าไม่มีศักยภาพ เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากมาซื้อ จึงขอรับมอบครั้งละ 1 หมื่นตัน ซึ่งภายใน 1 เดือน อาจจะรับมอบได้หลายครั้งขึ้นกับทางบริษัท แต่เชื่อว่าทางบริษัทจะทำตามสัญญา เพราะในสัญญาซื้อขายหากบริษัทไม่มารับมอบสินค้าครบตามจำนวนจะถูกริบเงิน ประกันการซื้อยางที่วางไว้ 100 ล้านบาททันที อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ทาง กยท.ได้เชิญฝ่ายกฎหมายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาวางกรอบมาตรการในการรับมือหากบริษัทเบี้ยวสัญญา เพราะทำให้รัฐบาลเสียเวลา ค่าเสียโอกาส เสียค่าเช่าคลัง และเสียชื่อเสียง ซึ่งยังไม่ได้ประเมินมูลค่าความเสียหาย เพราะมองว่าบริษัทจะปฏิบัติตามสัญญา

?หากปริมาณยางในสต๊อกลดลงเรื่อยๆ คาดการณ์ว่าราคายางในประเทศและตลาดโลกจะขยับดีขึ้น เพราะราคาในเวลานี้มองว่าต่ำสุดแล้ว ซึ่งในที่ประชุมได้ฝากผ่านนายเฉิน ถึงเจตนารมณ์ ที่บริษัทประสงค์จะมาซื้อยางไทยว่าต้องการช่วยเหลือไทยพยุงราคายาง และดันราคาในประเทศเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทางอ้อม และขอให้มารับมอบยางไปเร็วๆ?
ด้านนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การประชุมครั้งสุดท้ายของการผู้บริหารสต๊อกยางนั้น ได้โอนภารกิจการซื้อขายยางในสต๊อกรัฐบาลให้กับผู้ว่าการ กยท.ไปเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาสาเหตุรับมอบยางที่มีความล่าช้า เนื่องจากทางผู้ซื้อเวลายางราคาตก ก็ไม่ค่อยมารับมอบ แต่เวลายางขึ้นก็รีบแจ้งว่าจะมาวางเงินเพื่อนำยางออก ซึ่งเป็นกลไกธรรมดาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทั้งนี้หากทางผู้ซื้อไม่มารับมอบยางตามสัญญาจะต้องถูกเบี้ยปรับเดือนละ 43 ล้านบาท (คำนวณจากสัญญาซื้อขายมีเงื่อนไขกำหนดค่าปรับเนื่อง จากการรับมอบที่ล่าช้า เป็นเงิน 6.60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันต่อเดือน ซึ่งเหลือยางรับมอบอีก 1.85 แสนตัน) ดังนั้นการรับมอบสินค้าถือว่าคุ้มกว่าที่จะถูกริบเงินประกันที่วางมัดจำ สัญญาไว้ 100 ล้านบาท

?ที่ผ่านมาเราถูกสังคมกล่าวหาว่าขายยางเอื้อเอกชน ถูกกดราคาต่ำกว่าตลาด แต่เวลานี้ราคาขายยางในสัญญากลับสูงกว่าราคาตลาดแล้ว?
ขณะที่ นายวรเทพ วงศาสุทธิกุล บมจ. ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สัญญาการซื้อขายโดยเฉพาะเอกชนกับหน่วยงานราชการจะต้องมีความรัดกุมซึ่งกรณี ไชน่าไห่หนาน วางเงินมัดจำค้ำประกันเพียงแค่ 100 ล้านบาท ถือว่าเป็นสัญญาที่หละหลวม เพราะไม่ถึง 1% ของมูลค่ายางที่ตกประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท (จากปริมาณยาง 2.08 แสนตัน) และที่สำคัญรัฐบาลไม่ควรนำยางไปเร่ขายประเทศต่างๆ เพราะไม่ขายจริง แต่ได้ส่งผลจิตวิทยาทำให้ราคายางตกลงแล้ว ไม่เป็นผลดีต่อเกษตรกร

?ราคายางวันนี้ถือว่าต่ำสุดแล้ว ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสสุดท้าย มองว่าผู้นำประเทศจีนน่าจะคุมสถานการณ์เศรษฐกิจของเขาที่ชะลออยู่ให้ดีขึ้น ได้ มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจากนี้ไปน่าจะดีขึ้น และจะทำให้ไทยส่งออกน้ำยางข้น และยางชนิดอื่นๆ ได้ดีขึ้น?

สอดคล้องกับ ท.พ.พงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต ผู้บริหารของกลุ่มวงศ์บัณฑิต กล่าวถึง ราคายางตํ่าสุดแล้ว มีแนวโน้มจะขยับราคาดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากประเทศไทยประสบภาวะแล้ง ปริมาณนํ้ายางกรีดได้น้อย บวกกับช่วงรัฐบาลที่ผ่านมาลดอุปทานยางลง เชื่อว่าหากประเมินท้ายปีสต๊อกยางลดลง จะส่งผลทำให้คู่ค้าตื่นตระหนก ราคายางจะดีดปรับตัวขึ้นได้ในปี 2559 และที่สำคัญอยากให้รัฐบาลขายยางแบบลับๆ เพราะขายยางแต่ละครั้งที่ออกสื่อทำให้ราคายางตกถึง 5 บาทต่อกิโลกรัม ไม่ส่งผลดีกับเกษตรกร
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3090 วันที่ 24-26 กันยายน พ.ศ. 2558

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ 23/9/58
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 28, 2015, 02:29:17 PM โดย Rakayang.Com »