ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดมิติใหม่อุตสาหกรรมยางไทย  (อ่าน 840 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87898
    • ดูรายละเอียด
เปิดมิติใหม่อุตสาหกรรมยางไทย



  การเกิดของพระราชบัญญัติการยาง แห่งประเทศไทย ส่งผลให้เกิดมิติใหม่ในอุตสาหกรรมยางไทยในหลายด้าน หนึ่งในนั้น คือการการเกิดรัฐวิสาหกิจใหม่ขึ้นนั่นคือ "การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) หรือ Rubber Authority of Thailand (RAOT)" เพื่อขับเคลื่อน และบริหารงานยางพาราของประเทศที่เป็นเอกภาพและมีศักยภาพสูงขึ้น ทั้งด้านการผลิต การแปรรูป การตลาด อุตสาหกรรม งานวิจัยและวิชาการ ตลอดจนการพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร พร้อมผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ยางของภูมิภาคอาเซียน และเป็นผู้นำตลาดยางพาราโลกในอนาคต

 นอกจากเตรียมความพร้อมด้านการบริหารจัดการองค์กร ระบบการเงิน บัญชี รวมถึงงบประมาณของปี 2558-2559 แล้ว ยังต้องเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากร พร้อมพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และเตรียมยุทธศาสตร์การพัฒนายางพาราของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนพัฒนายางพาราให้สอดรับกับโครงการและนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้การบริหารจัดการยางพารามีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะสามารถยกระดับราคายางให้มีเสถียรภาพ และช่วยเหลือสถาบันเกษตรกรและเกษตรกรชาวสวนยางให้มีความเข้มแข็งและชีวิต ความเป็นอยู่ดีขึ้นด้วย

 ก รมวิชากา รเกษตรนับเป็ นหน่วยงานสำคัญในฐานะที่รับผิดชอบในการดูแลปัญหายางพาราทั้งระบบ ซึ่งนอกจากเตรียมความพร้อมด้านการบริหารจัดการองค์กร ระบบการเงิน บัญชี รวมถึง งบประมาณของปี 2558-2559 แล้ว ยังต้องเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากร พร้อมพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และเตรียมยุทธศาสตร์การพัฒนายางพาราของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนพัฒนายางพาราให้สอดรับกับโครงการและนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้การบริหารจัดการยางพารามีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะสามารถยกระดับราคายางให้มีเสถียรภาพ และช่วยเหลือ สถาบันเกษตรกรและเกษตรกรชาวสวนยางให้มีความเข้มแข็งและชีวิตความเป็นอยู่ดี ขึ้นด้วย
 จากสถานการณ์ปัญหาวิกฤติการณ์ยางที่เกิดขึ้น กรมวิชาการเกษตรได้มีนโยบายเร่งรัดให้มีการวิจัยและพัฒนาตลาดยางพารา รวมถึงอุตสาหกรรมยางเพิ่มมากขึ้น โดยสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ได้ร่วมกับสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) โดยเฉพาะผู้ผลิตยางรายใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนาเครือข่ายตลาดภูมิภาค (Region Market) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านตลาดยางของกลุ่มประเทศอาเซียน พร้อมป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคายางที่ปรับตัวขึ้นลงอย่าง กะทันหัน ทั้งยังช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองราคายางในตลาดโลก และลดการอ้างอิงราคาจากตลาดล่วงหน้า รวมถึงตลาดยางโตคอม (TOCOM) ของญี่ปุ่น และตลาดยางไซคอม (SICOM) สิงคโปร์ ซึ่งไม่มีการส่งมอบยางจริง

 ตลาดยางภูมิภาคที่ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ร่วมกันผลักดันและพัฒนาขึ้นนี้ มุ่งให้มีการซื้อขายยางแบบส่งมอบจริง โดยที่ราคาซื้อขายยางธรรมชาติสะท้อนความ เป็นจริงให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่า กลไกตลาดดังกล่าว จะเริ่มขับเคลื่อนได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้านี้ เบื้องต้นคาดว่า จะมีซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3 และยางแท่งเอสทีอาร์ 20 (STR20) ผ่านตลาด Region Market พร้อมส่งมอบสินค้าจริงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการปั่นราคาและเพิ่มเสถียรภาพราคายางได้มากขึ้น และมุ่งก้าวสู่การเป็นตลาดอ้างอิงในอนาคต

 กรมวิชาการเกษตร เชื่อมั่นว่านอกจาก ภาครัฐจะส่งเสริมให้นำผลงานวิจัยตลาดยางพาราที่ประสบผลสำเร็จมาใช้ให้เกิด ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว รัฐบาลยังได้อนุมัติให้มีการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยางล้อ ยานยนต์ วงเงิน 6,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนและรองรับอุตสาหกรรมล้อยางยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าตรวจสอบคุณภาพล้อยาง และไม่ต้องส่งล้อยางที่ไทยผลิตได้ไปทดสอบยังห้องปฏิบัติการ (Lab) ของต่างประเทศ เบื้องต้นคาดว่า ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ไทยจะมีศูนย์ทดสอบยางล้อภายในประเทศ และ ผลักดันสู่การเป็นศูนย์ทดสอบล้อยางของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

 ขณะเดียวกันไทยยังมีแผนดึง ผู้ประกอบการและนักลงทุนจากจีน มาร่วมลงทุนอุตสาหกรรมล้อยางภายในประเทศ มากขึ้น ขณะนี้มีบริษัทจากจีนลงทุนตั้งโรงงานในไทยแล้ว เพื่อนำวัตถุดิบไปใช้ในการผลิต ล้อยาง รวมทั้งป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตล้อยาง ถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของอาเซียน

 ในขณะเดียวกันกรมวิชาการเกษตรก็ได้จัดตั้งกองการยางขึ้น เพื่อทำหน้าที่ควบคุมการผลิต การค้า การส่งออกและนำเข้า ยางพาราตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 พร้อมรองรับพระราชบัญญัติการยาง แห่งประเทศไทยภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย ขณะเดียวกันกองการยางยังทำหน้าที่ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับยางเพื่อสนับสนุนการ ปฏิบัติงาน พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ทั้งยังให้การรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ (Lab) สำหรับให้บริการวิเคราะห์และตรวจสอบคุณภาพยาง ตลอดจนให้บริการวิชาการและเทคโนโลยีแก่เจ้าหน้าที่ ส่วนราชการ นักวิจัย เกษตรกรและเอกชนที่เกี่ยวข้องด้วย"
 ภายใต้กองการยางกรมวิชาการเกษตร ยังจัดตั้งกลุ่มพัฒนาระบบมาตรฐานยาง เพื่อศึกษาวิจัยและพัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานและควบคุมกำกับมาตรฐานยาง โดยตั้งศูนย์ควบคุมยาง 6 ศูนย์ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์ควบคุมยางสงขลา สุราษฎร์ธานี ฉะเชิงเทรา บุรีรัมย์ หนองคาย และศูนย์ควบคุมยางเชียงราย เพื่อควบคุมการผลิต การค้า ส่งออก และนำเข้ายางในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ทั้งยัง ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับยางพาราและให้บริการวิเคราะห์และตรวจสอบคุณภาพยางเพื่อ สนับสนุนการส่งออกสินค้ายางพารา สู่ตลาดโลก

 ทั้งนี้ หลังพระราชบัญญัติการยาง แห่งประเทศไทยมีผลบังคับใช้ จะเกิดรัฐวิสาหกิจใหม่ คือ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ซึ่งตาม พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 จะอยู่ภายใต้องค์กรรัฐวิสาหกิจไม่ได้ กรมวิชาการเกษตรจึงจำเป็นต้องตั้งกองการยางขึ้นมารองรับ เพื่อเป็นกลไกช่วยขับเคลื่อนพัฒนาการผลิตยางพารา พร้อมสนับสนุนการค้า ส่งออกและนำเข้ายาง ซึ่งช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถทางการตลาดและอุตสาหกรรมยางของประเทศให้มี ความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น และช่วยผลักดันการส่งออกสินค้ายางพาราไทยสู่ตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

 โดยศูนย์ควบคุมยาง 6 ศูนย์ที่กระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆ จะทำหน้าที่ควบคุมการผลิตยางในพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งการตรวจรับรองแปลงขยายพันธุ์ยาง รวมทั้งให้บริการตรวจวิเคราะห์และตรวจสอบคุณภาพยาง ให้กับผู้ประกอบการ พร้อมควบคุมการค้ายาง ส่งออกและนำเข้ายาง ซึ่งคาดว่า จะช่วยพัฒนามาตรฐานยางพาราไทยให้เป็นที่ยอมรับของประเทศผู้นำเข้าและตลาดโลก มากยิ่งขึ้น และช่วยสนับสนุนงานของ กยท.ด้วย ทั้งหมดถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของอุตสาหกรรมยางพาราไทยทั้งระบบ ที่มีผลต่อการพัฒนาและแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ราคายางแบบยั่งยืนทั้งปัจจุบันและ อนาคต--จบ--

      มติชนสุดสัปดาห์ (Th)