ยางใต้ท้อ รบ.ไม่จริงใจ แก้อะไรไม่ได้ก็โยนภาระ เปรยอย่าแปลกใจหากมีข่าวฆ่าตัวตายอีก
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 16:35:00 น.
(26 พ.ย.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เกษตรกรชาวสวนยาง จ.บึงกาฬ ผูกคอตาย ซึ่งภรรยาระบุ สาเหตุมาจากราคายางพาราตกต่ำถึง กก.ละ 16 บาท ขณะที่สถิติการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 23 พ.ย.58 ในจังหวัดบึงกาฬมีมากกว่า 14 ราย โดยมีการเขียนจดหมายลาตายไว้ 8 ราย และมีเหตุจากราคายางพาราตกต่ำนั้น
นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์ม 16 จว.ใต้ กล่าวว่า มันสะท้อนอะไรออกมาให้เห็นชัด ยุคนี้ต่ำที่สุดแล้ว รมว.เกษตรฯไม่ได้ทำอะไรเลยที่ผ่านมา นั่งนิ่งหลอกไปวันๆ อยู่พาณิชย์ก็ลักลอบนำปาล์มเข้ามา ทำให้ปาล์มตกต่ำ มาอยู่เกษตรฯไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 7 คณะ ประชุมพร้อมกันในวันเดียว กก.บางคนมีรายชื่อซ้ำวิ่งประชุมไม่ทัน ตลกจริงๆ เรียกร้องตามหลักวิชาการก็ปาวๆ ไปวันๆ ท้ายที่สุดก็เฉย หากแก้ปัญหาไม่ได้ก็ไปซะ คนอื่นที่มีศักยภาพจะได้เข้ามาแก้ปัญหาต่อ
?ผมท้อใจกับการแก้ไขปัญหาอย่างมาก มีทางเดียวเกษตรกรต้องหันมาปรับเปลี่ยนการปลูกพืช โดยยึดแนวเศรษฐกิจพอเพียง ต้องเรียนรู้ดินที่จะต้องปลูกพืชด้วย ดินชนิดใดต้องใส่อะไรเพื่อดินมีความสมบูรณ์และควรปลูกพืชชนิดใดให้อยู่กันได้ ผมหมดใจกับการแก้ไขปัญหาของ รมว.ท่านนี้ นั่งกินภาษีของประชาชนไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย? นายทศพล กล่าว
นายมนัส บุญพัฒน์ นายกสมาคมคนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อย กล่าวว่า ผลงาน รมว.เกษตรฯไม่มี เข้ามาอยู่ ก.เกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่ ก.ย. ต.ค. พ.ย. ยังไม่ปรากฏผลงานที่ชัดเจน แม้กระทั่งล่าสุด แก้ปัญหาด้วยการชดเชยราคายาง จากไร่ละ 1,250 บาท ไป ไร่ละ 1,500 บาท แบ่งเป็น เจ้าของ 900 บาท คนกรีด 600 บาท วันนี้ยังไม่มีอะไรชัดอีก คนปฏิบัติก็ทำแบบรอคำสั่ง วันนี้ระดับผู้ปฏิบัติยังไม่ได้ทำอะไรมาก เนื่องจาก ก.เกษตรฯปล่อยเกียร์ว่าง ตั้งแต่เป็น กยท. ผู้ปฏิบัติก็วิ่งหาตำแหน่งเพื่อตัวเองกัน
ด้านสมาคม ชมรม แกนนำต่างๆ เรียกร้อง ท้ายที่สุดก็ใช้วิธีการเรียกไปพบ เรียกไปคุย สั่งหยุด เหมือนกับว่าทางเจ้ากระทรวงกำลังยื้อเวลา เพื่อยืดออก อย่าพยายามยืดเวลาให้กับตัวเอง นั่งเฉยๆแบบไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้ผู้ปฏิบัติวิ่งหาตำแหน่งกัน เป็นกันทั้งระบบ นี่คือบาปกรรมที่ทำไว้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ใจดำ ไม่มาดูดำดูดี จึงปรากฏตัวอย่างอย่างที่เห็น
ผู้สื่อข่าวรายงานราคายางพาราที่ตลาดกลางยางพาราในวันที่ 26 พฤศจิกายน ราคายางแผ่นดิบ 37.89 บาท/กก. ยางความชื้น 37.39 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.37 บาท/กก. ยางแผ่นรมควัน 40.15 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.92 บาท/กก. ปริมาณยางเข้าสู่ตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราชวันนี้ แบ่งเป็นยางแผ่นดิบจำนวน 6 ตัน ยางแผ่นรมควัน 115 ตัน ราคายางแผ่นดิบท้องถิ่น 35.90 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.40 บาท/กก.ราคาน้ำยางสด 35.25 บาท/กก. ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่ นายปู นามพิไล เกษตรกรชาวสวนยาง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า วันนี้ตนนำเศษยางไปขายกับพ่อค้าท้องถิ่นในราคากก.ละ 16.50 บาท จำนวน 10 กก. เป็นเงิน 165 บาท ราคานี้ถือว่ายังมีราคาดีกว่า จ.บึงกาฬ ช่วงนี้นครศรีธรรมราชย่างเข้าหน้าฝนตัดยางไม่ได้หลายวันแล้ว ยางที่ขายก็เป็นยางเก่า ตนกำลังหารือกับคนในครอบครัวว่า หากสถานการณ์ยางเป็นแบบนี้ ตนไม่สามารถพาครอบครัวของตนได้ คงจะต้องทำอย่างไรอย่างหนึ่ง อาจจะต้องขายต้นยาง หากค่าโค่นสูงกว่าราคาขายต้นยางก็คงต้องเผาทิ้ง ไปหางานรับจ้างทำนอกบ้าน หรือต่างอำเภอจะดีกว่า ไม่รอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้ว ลงทะเบียนก็แล้ว ทำทุกอย่างแล้วก็ยังเงียบเฉยๆ
ทั้งนี้ นายปูกล่าวว่า ฝากบอกไปยังรัฐบาลอย่าตกใจหากชาวสวนยางจะฆ่าตัวตาย เพราะเราไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับครอบครัวเราได้ หากท่านยังไม่แก้ปัญหาก็คงต้องมีเกิดขึ้นอีกแน่นอน