สภาไตรภาคียางดันแผน'จำกัดส่งออก'
ครม.อนุมัติเพิ่ม5พันล้านสินเชื่อชาวสวนยาง
"สภาไตรภาคียาง"ไฟเขียวใช้มาตรการจำกัด การส่งออก เร่งบริษัทร่วมทุนยาง 3 ประเทศศึกษาภายใน 1 เดือน "ฉัตรชัย"ผุดไอเดียประกวดนวัตกรรมระดับโลก พร้อมดันตั้งตลาดกลางภูมิภาคซื้อขายจริง รายงานข่าวจากการประชุมสภาไตรภาคียางพารา(ITRC) ที่อินโดนีเซียเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีพล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมประชุม ระบุว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางพาราที่แนวโน้มตกต่ำอย่างต่อ เนื่อง
3 ประเทศทั้งไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เห็นชอบร่วมกันที่จะให้ใช้มาตรกรจำกัดการส่งออก(AETS) โดยบริษัทร่วมทุนยางระหว่างประเทศ (IRCO) จะศึกษาแนวทางและปริมาณการส่งออกที่เหมาะสมของแต่ละประเทศให้ แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน เพื่อเริ่มใช้มาตรการต้นปี 2559 นอกจากนี้เพื่อให้เป็นการสร้างเสถียรภาพต่อราคายางในภาพรวม ที่ประชุมเห็นชอบให้ยุติการขยายพื้นที่การปลูกยาง โดยกำหนดให้ทุกประเทศรวมกันขยายพื้นที่ได้ไม่เกิน 2 ล้านไร่เท่านั้น พล.อ.ฉัตรชัยได้เสนอในที่ประชุมว่า ทุกประเทศควรมีการศึกษาวิจัยสร้างนวัตกรรมใหม่ๆในการใช้ยางพาราให้มากขึ้น จากปัจจุบัน ที่ยางส่วนใหญ่จะมุ่งใช้เฉพาะอุตสาหกรรม ยานยนต์เป็นหลัก กรณีที่อุตสาหกรรมรถยนต์ไม่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ จึงส่งผลกระทบกับราคายางที่เกษตรกรได้รับไปด้วย และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดนวัตกรรมดังกล่าว IRCO ควรจัดประกวดผลงานระดับโลก ส่วนหนึ่งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ ให้ผู้สนใจเข้าร่วมและมีการใช้ยางมากขึ้นด้วย
อีกทั้งทุกประเทศควรเพิ่มปริมาณการใช้ ในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งในส่วนของไทยมี เป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณการใช้เป็น 10% จากปัจจุบัน มีการใช้อยู่ 5 % ของปริมาณผลผลิต โดยจะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2559
ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาการเก็งกำไรใน ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ที่ประชุมเห็นชอบในการผลักดันให้มีตลาดภูมิภาคซื้อขายยางจริง ช่วยถ่วงดุลปริมาณการซื้อขายยางในระบบปัจจุบัน ซึ่ง IRCO จะต้องศึกษาอัตราแลกเปลี่ยน ลักษณะการส่งมอบ ให้เป็นรูปแบบเดียวกัน ที่ต้องเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 2559 แต่พล.อ.ฉัตรชัยเห็นว่าควรดำเนินการภายใน3เดือนนี้
ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เวียดนามเป็น หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของ IRCO ด้วย โดยจะมี ส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยางพารา แต่ที่ประชุมเห็นว่าเวียดนามควรเข้ามาเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ มากกว่าเป็นเพียง หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เท่านั้น เพราะจะสามารถออกความเห็นและร่วมลงทุนจัดตั้งตลาดกลางภูมิภาคและใช้ประโยชน์ ร่วมกันอย่างเต็มที่ด้วย
นายหลักชัย กิตติพล ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยฮั้วยางพารา จำกัด กล่าวว่า การจำกัดการส่งออกเคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ในปี 2549 ,2552 และปลายปี 2555ต่อเนื่อง 2556 ทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อให้ราคายางที่เกษตรกร ได้รับปรับตัวสูงขึ้น
โดยในปี 2549 และ 2552 นั้นถือว่าประสบผลสำเร็จ เนื่องจากสอดรับกับภาวะเศรษฐกิจ ฟื้นตัวพอดี แต่การดำเนินการในปี 2555 ต่อเนื่องถึงปี 2556 นั้นไม่ประสบผลสำเร็จ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจยังซบเซา
อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของการจำกัดการส่งออกคือการประสานการทำงานร่วมกับภาค เอกชนทุกฝ่าย ต้องมีความจริงใจต่อกัน ในขณะที่เมื่อภาคเอกชนเสียสละผลประโยชน์ที่พึงได้แล้ว ภาครัฐต้องให้การสนับสนุนอย่างสมเหตุสมผล
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.อนุมัติงบประมาณในโครงการสินเชื่อเพื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพิ่ม เติมอีก 5 พันล้านบาท ที่ผ่านมารัฐบาลมีวงเงินสินเชื่อดังกล่าว แล้ว 1 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลอุดหนุนดอกเบี้ย 3% ซึ่งชาวสวนกู้แล้ว 82,000 กว่าครัวเรือน วงเงิน 7,394 ล้านบาท
"ถ้าดูจากวงเงินตั้งต้น 10,000 ล้านบาทแต่เกษตรได้รับสินเชื่อไปแล้วกว่า 7 พันล้านบาท ทำให้เหลือเงินประมาณ 2,600 กว่าล้านบาท แต่มีเกษตรกรที่อยู่ระหว่างการพิจารณาหลักเกณฑ์อีกกว่า 5 หมื่นกว่าครอบครัวและต้องใช้เงินอีก 5,200 ล้านบาท จึงไม่เพียงพอ"--จบ--
กรุงเทพธุรกิจ (Th)
