ผู้เขียน หัวข้อ: 6 เหตุการณ์สะท้านการเงินโลกในปี2558  (อ่าน 359 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82945
    • ดูรายละเอียด
6 เหตุการณ์สะท้านการเงินโลกในปี2558
« เมื่อ: ธันวาคม 22, 2015, 02:44:22 PM »
6 เหตุการณ์สะท้านการเงินโลกในปี2558
โดย MGR Online

22 ธันวาคม 2558 14:17 น


1.ธนาคารกลางสหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยในรอบ9ปี เป็น ไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเสียทีหลังปล่อยให้ ดอกเบี้ยต่ำมาตั้งแต่ปี 2006 ผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยทำให้ตลาดการเงินโลกปั่นป่วนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะกระแสเงินไหลออกจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ค่าเงินบาทไทยก็อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วแตะ 36 บาทต่อดอลลาร์
         คาดว่าปีหน้า...ถ้าเศรษฐกิจไม่มีอะไรแย่กว่านี้ เฟดจะทยอยขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆอีกสี่ครั้งในปีหน้าตามที่ประธานเฟดระบุไว้
       

         2.ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดำดิ่งเป็นประวัติการณ์ ถือเป็นปีขาลงของราคาน้ำมันโลกอย่างแท้จริง จากต้นปีราคาน้ำมันยังอยู่ที่ระดับ100เหรียญต่อบาร์เรล แต่ด้วยเศรษฐกิจโลกที่ไม่เติบโตและชาติยักษ์ใหญ่ในกลุ่มโอเปกไม่ยอมลดกำลัง ผลิตน้ำมันลง ทำให้เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายและยังฉุดสินค้าโภคภัณฑ์อื่นทั้ง Soft และ Hard Commodity ร่วงลงมาต่ำกว่าระดับเดียวกับสมัยวิกฤตซับไพร์ม ส่วนราคาทองคำก็ลงมาต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปีที่ 1,050 เหรียญต่อออนซ์
         คาด ว่าปีหน้า...บางสำนักออกมาคาดการณ์ว่าจุดต่ำสุดของราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 20เหรียญต่อบาร์เรล บางสำนักคาดว่าปีหน้าจะเป็นจุดต่ำสุดและเป็นปีของการสร้างสมดุลราคาใหม่ กว่าจะกลับเป็นขาขึ้นคงเป็นปี 2560
       
         3.เงินหยวนจีนถูกนำเข้าสู่ตะกร้าเงินโลก เงิน หยวนของจีนได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของตะกร้าเงิน SDR ของไอเอ็มเอฟเป็นที่เรียบร้อยถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างบทบาทใหม่ของเงิน หยวนในเวทีการเงินระดับโลก
         คาด ว่าปีหน้า...เงินหยวนน่าจะมีบทบาทประมาณ10%ของตะกร้าเงิน SDR โดยจะมาแทนที่เงินยูโร ปอนด์และเยน ส่วนเงินดอลลาร์คาดว่าจะมีสัดส่วนลดลงไม่มากนัก

         4.แห่ลดค่าเงินดันสงครามค่าเงินโลก ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯเตรียมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ธนาคารกลางขนาดใหญ่ของโลกอื่นๆอย่าง ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางจีน ได้ทะยอยลดดอกเบี้ยสวนทางเพื่อที่จะกดค่าเงินให้อ่อนลงเพื่อที่จะสร้างความ ได้เปรียบในการส่งงอก รวมถึงมาตรการเสริมสภาพคล่องในตลาดการเงินเช่นพยุงตลาดหุ้น
         คาดว่าปีหน้า...ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นน่าจะยังมีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องออกมาอีก โดยได้ระบุแผนงานในรายงานการประชุม

       
         5.วิกฤตตลาดหุ้นจีน ความ วิตกถึงการเติบโตของเศรษฐกิจจีนทำให้ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ถูกเทขายอย่างหนักใน ช่วงกลางปีและยังส่งผลกระทบไปถึงตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทย ทำให้ทางการจีนต้องออกมาออกมาตรการพยุงตลาดหุ้น แม้ความมั่งคั่งในตลาดหุ้นของคนจีนจะลดลงแต่ถือว่ายังมีส่วนน้อยต่อจีดีพี เมื่อเทียบกับความมั่งคั่งในอสังหาริมทรัพย์
         คาดว่าปีหน้า...ตลาดหุ้นจีนน่าจะทรงตัวแต่ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะปรับตัวเป็นขาขึ้นได้หรือไม่

       
         6.เส้นตายหนี้กรีซ กรีซ มีการเลือกตั้งครั้งใหม่โดยได้ผู้ชนะเป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายไม่เห็น ด้วยกับมาตรการรัดเข็มขัดของธนาคารกลางยุโรป ทำให้เกิดความวิตกกังวลไปทั่วโลกว่าการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซจะส่งผลกระทบไป ทั่วโลก แต่ผลที่เกิดขึ้นก็มีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
         คาด ว่าปีหน้า...ยังต้องติดตามต่อว่ากรีซจะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้มากน้อย เพียงใด ตลาดการเงินจะผันผวนทุกครั้งที่ถึงกำหนดใช้หนี้ของกรีซ

       
         ปี หน้าคงจะเป็นปีที่ยากลำบากอีกปีของตลาดการเงินโลก นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนอย่างมากและอย่าลืมบริหารความ เสี่ยงให้ดีนะครับ
       
        นเรศ เหล่าพรรณราย
        ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
        SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง