ผู้เขียน หัวข้อ: ยางพาราไทย-ยางญี่ปุ่น  (อ่าน 911 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87898
    • ดูรายละเอียด
ยางพาราไทย-ยางญี่ปุ่น
« เมื่อ: ธันวาคม 25, 2015, 08:38:48 AM »
ยางพาราไทย-ยางญี่ปุ่น


วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 00:27 น. ที่มา ข่าวสด
เมืองไทย 25 น.
 
 ทวี มีเงิน
 
 

วัตรปฏิบัติ ทุกสิ้นปีจะต้องนำรถไปเช็กสภาพและเปลี่ยน ยางรถยนต์เพื่อไปต่างจังหวัด เห็นราคาแล้วตกใจ เป็นยางรถยี่ห้อหนึ่งของญี่ปุ่น สนนราคาตกเส้นละ 8,000 กว่าบาท เปลี่ยน 4 เส้น ราวๆ 3.3 หมื่นบาท
 
 พลันก็เกิดคำถามทำไม "ราคายางรถยนต์" แพง แต่ "ราคายางพารา" ตกลงทุกวัน แม้จะไม่รู้ว่ายาง 1 เส้นจะมียางพาราเป็นวัตถุดิบสัดส่วนเท่าไหร่ แต่ราคาไม่น่าจะสวนทางกัน ขนาดนี้
 
 ในที่สุดดวงตาก็เห็นธรรม เหตุที่ราคาแพงเพราะเส้นแบ่งระหว่างของราคายางธรรมชาติกับยางรถยนต์ คือ "เทคโนโลยี" ที่ทำให้ราคายางสองชนิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
 
 คิด ไปคิดมาน่าเสียดาย บ้านเราเริ่มปลูกยางพาราเมื่อ 100 ปีที่แล้วแต่ยังไปไม่ถึงไหน เคยทำอย่างไรทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้พัฒนา ไม่มีการวิจัยและสร้างนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์จนถึงการแปรรูปพัฒนามาเป็นสินค้า ยางรถยนต์ที่ผลิตในบ้านเราก็เป็นบริษัทต่างชาติ ถุงมือยางแม้จะผลิตได้แต่เทคโนโลยีสู้มาเลย์ไม่ได้ ถุงมือยางที่ใช้ในวงการแพทย์จึงเป็นถุงมือยางที่ผลิตจากมาเลย์
 
 ขณะ ที่จีนเพิ่งส่งเสริมการปลูกยางเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แต่พัฒนาไปไกลกว่าเรามาก ทุกวันนี้อุตสาหกรรมยางของจีนนอกจากจะเร่งพัฒนาสายพันธุ์และกระจายปลูกใน ประเทศเพื่อนบ้านแล้วยังมีโครงการ "รับเบอร์ วัลเลย์" คล้ายๆ กับ "ซิลิคอน วัลเลย์" ของอเมริกา "รับเบอร์ วัลเลย์" เป็นศูนย์วิจัย และพัฒนาและสร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวกับยางพารา เพื่อเพิ่มมูลค่า ถึงขั้น มีมหาวิทยาลัยยางพาราโดยเฉพาะ มีนักศึกษาจบปีละ 3 พันกว่าคน
 
 ทุกวันนี้ไทยยังส่งออกยางดิบและยางแผ่นรมควัน แต่ถ้าเรามีวิสัยทัศน์สร้าง "รับเบอร์วัลเลย์" เพื่อสร้างนวัตกรรมแต่แรก ราคายางคงไม่ตกระเนนระนาดอย่างทุกวันนี้
 
 สถาบัน อนาคตไทยศึกษาเคยประเมินว่าแค่ผลิตยางรถปิกอัพส่งออก ปีนึงจะมีเงินกลับเข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 848,000 ล้านบาท ขณะที่ส่งออกยางธรรมชาติแค่ 131,000 ล้านบาทเท่านั้น
 
 สิบกว่าปีที่แล้วประเทศไทยถูกดันเป็น "ดีทรอยต์เอเชีย" แหล่ง ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ทุกวันนี้ก็ผลิตรถยนต์เป็นอันดับ 10 ของโลก ส่งออกปีละกว่า 1 ล้านคัน แต่กลับไม่ได้พัฒนายกระดับสินค้ายางพาราให้สอดคล้องกับการเป็นศูนย์กลางรถ ยนต์ เพื่อสร้างมูลค่าแต่อย่างใด
 
 เสียดายมี "ดีทรอยต์เอเชีย" แต่ชาวสวนยางไม่ได้ประโยชน์อะไร