จับตาผลกระทบน้ำมันต่อสินค้าเกษตรสศก.ชี้ช่วยดันต้นทุนลดแต่ฉุดราคาอ่อนตัวลง
นายสุรพงษ์ เจียสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศได้รับประโยชน์ จากราคาน้ำมันที่ลดลง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่ใช้มากในภาคการขนส่งและการผลิต จากสถานการณ์ดังกล่าว สศก. ได้วิเคราะห์ผลกระทบจากการลดลงของราคาน้ำมันดีเซลที่มีต่อภาคเกษตรทั้งด้าน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตร ต้นทุนการผลิต และผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ โดยเปรียบเทียบกรณีราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ลดลงจากระดับราคา 24.50 บาท/ลิตร ไปอยู่ที่ระดับ 19.50 บาท/ลิตร หรือลดลงร้อยละ 20 ซึ่งพบว่า ผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตร (GDP ภาคเกษตร) ส่งผลให้ GDP ภาคเกษตรขยายตัว เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.24 เนื่องจากการใช้น้ำมันดีเซลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการผลิตขั้นกลางของ ภาคเกษตรมีแนวโน้มลดลง ย่อมส่งผลให้ GDP ภาคเกษตรหรือมูลค่าเพิ่มของภาคเกษตรมีทิศทางเพิ่มขึ้น
นางสาวจริยา สุทธิไชยา รองเลขาธิการและโฆษก สศก. กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของการผลิตและการขนส่ง สินค้าเกษตรลดลง ทำให้ต้นทุนการผลิตของภาคเกษตรมีทิศทางลดลงไปด้วย โดยพบว่า สาขาบริการทางการเกษตรมีต้นทุนการผลิตลดลงมากที่สุด เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตรที่ต้องใช้ น้ำมันดีเซล รองลงมา คือ การทำประมงทะเลซึ่งมีการใช้น้ำมันดีเซลปริมาณมากในเรือประมงทะเล ส่วนการเพาะปลูกพืชและการเลี้ยงปศุสัตว์ ส่วนใหญ่มีการใช้น้ำมันโดยตรงน้อย แต่จะได้รับผลทางอ้อมจากการที่ปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช และอาหารสัตว์ มีราคาลดลง ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ พบว่า ต้นทุนการผลิตของภาคเกษตรโดยรวมจะ ลดลงประมาณร้อยละ 11
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลที่ ลดลงนอกจากจะส่งผลทางบวกทำให้ต้นทุนการผลิตของภาคเกษตรลดลงแล้ว แต่กลับส่งผลทางลบทำให้ราคาสินค้าเกษตรลดลง เนื่องจากการผลิตมีต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งราคาสินค้าเกษตรบางชนิดมีความเชื่อมโยงกับราคาน้ำมัน เช่น ยางพารา รวมถึงอ้อย มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ที่เป็นพืชพลังงาน ทดแทน หากแต่การปรับตัวลดลงของราคาสินค้าเกษตรจะเกิดขึ้นช้ากว่าการเปลี่ยนแปลงของ ราคาน้ำมันดีเซล เนื่องจากการผลิตสินค้าเกษตรต้องใช้ระยะเวลา ประกอบกับผลผลิตสินค้าเกษตรหลายชนิดที่จะออกสู่ตลาดในช่วงปี 2559 เป็นการผลิตที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2558 ซึ่งราคาน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับสูงกว่าราคาที่คาดการณ์ในปี 2559 หากราคาสินค้าเกษตรอ่อนตัวลงจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ทำให้มีกำลังซื้อลดลงด้วย โดยกรณีของยางพารา ถือเป็นสินค้าเกษตรเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันค่อนข้างมาก เนื่องจากการผลิตยางสังเคราะห์ต้องใช้พอลิเมอร์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ เป็นวัตถุดิบสำคัญ ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โรงงานอุตสาหกรรมจะใช้พอลิเมอร์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบมากขึ้น ทำให้ความต้องการยางพาราลดลง ส่งผลราคายางพาราปรับตัวลด
แนวหน้า (Th)