ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องใหญ่!!!!หมดทางล้วงเงินกยท.ซื้อยาง  (อ่าน 939 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87776
    • ดูรายละเอียด
เรื่องใหญ่!!!!หมดทางล้วงเงินกยท.ซื้อยาง


28 มกราคม 2559 เวลา 06:17 น. ที่มา โพสต์ทูเดย์


หมดทางล้วงเงินกยท.ซื้อยาง

บิ๊กฉัตรชัยจนปัญญาล้วงตับเงิน กยท. มาใช้ดันราคายาง เสนอ ครม.หางบ 4,000-5,000 ล้าน  บอร์ดการยางฯระบุไม่ใช่ภารกิจ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า แม้ว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติวงเงินงบประมาณสำหรับใช้รับซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนยาง 5,479 ล้านบาทไว้แล้ว แต่ในเบื้องต้นได้ใช้เงินจากกองทุนประเดิมจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) 500 ล้านบาท มาใช้ในการซื้อยางสำหรับงบประมาณส่วนที่ยังขาดนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วว่า กยท.สามารถเข้ามารับซื้อได้หากต้องใช้เพิ่มก็ให้คณะกรรมการ กยท.ไปพิจารณาดูหมวดหมู่ที่จะใช้ แต่หากในที่สุดไม่สามารถใช้เงินของ กยท.ได้ ก็จะเสนอ ครม.ขอให้พิจารณาจัดสรรงบมาเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าในการจัดสรรงบประมาณมาซื้อยางพาราจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ทั้งหมดไม่กระทบการซื้อยางจากเกษตรกร ขณะนี้มีการรับซื้อยางตามโครงการส่งเสริมการใช้งานในหน่วยงานภาครัฐทั่ว ประเทศไปแล้ว 141.63 ตัน จากเกษตรกร 1,429 ราย แบ่งเป็น ยางแผ่นดิบชั้นสาม 84.27 ตัน น้ำยางสด10.80 ตัน ยางก้อนถ้วย 47.29 ตัน สาเหตุที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการน้อย เนื่องจากราคายางพาราในท้องถิ่นปรับตัวสูงขึ้น และบางพื้นที่เริ่มปิดการกรีดยางแล้ว ภาคใต้มีฝน รวมทั้งเกษตรกรต้องการเป็นเงินสด แต่การดำเนินการของ กยท.เป็นไปตามระเบียบที่โอนเงินผ่าน ธ.ก.ส. ได้สั่งการให้ ปรับวิธีการเร็วขึ้น เพิ่มจุดรับซื้อให้เกษตรกรนำยางมาขายได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตามเกษตรกรยังมีสิทธิขายได้ตลอดจนถึงวันที่ 30 มิ.ย." พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

นายเชาว์  ทรงอาวุธ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่า กยท. กล่าวว่า คณะกรรมการบริหาร กยท.ได้มีการพิจารณาในเรื่องการนำเงินของ กยท.มาใช้ในการซื้อยางพาราแล้วเห็นว่านโยบายซื้อยางของรัฐบาล น่าจะใช้เงินจากกองทุนประเดิม กยท.ได้เพียง 500 ล้านบาทนั้น ส่วนที่เหลืออีก 5,000 ล้านบาท คงต้องเสนอ ครม.ให้สำนักงบประมาณจัดหาเงินมาใช้ตามนโยบายของรัฐบาล

นายเชาว์ ชี้แจงว่า สาเหตุที่ใช้ได้แค่นั้นเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า การใช้เงินตามมาตรา 49 ในเรื่องของการใช้เงินกองทุนนั้นฯ ควรให้คณะกรรมการเป็นผู้ตีความ และในที่ประชุมคณะกรรมการต่างเห็นว่า การซื้อยางในลักษณะของการชี้นำราคานำตลาด ไม่น่าจะเข้าข่ายเป็นการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราตามภารกิจของกยท.แต่อย่างใด ดังนั้นจึงควรทำเรื่องเพื่อเสนอ ครม.ให้พิจารณาขอเงินก้อนใหม่มาใช้ในโครงการนี้ จึงน่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุด

"ตอนนี้ราคายางปรับตัวขึ้นทุกวัน ประมาณ 1-2 บาท/กก. เพิ่มขึ้นตลอดเวลาก่อนที่รัฐบาลจะรับซื้อ30-33 บาท โดยในตอนนี้ปรับขึ้นมา 41-42 บาท ถือว่ามาตรการนี้เป็นประโยชน์กับชาวสวนยางโดยตรง และปริมาณการซื้อ 1 แสนตัน ก็เหมาะสมเพราะคิดจากความต้องการใช้ของหน่วยงานรัฐ ไม่ได้ซื้อเก็บเข้าสต๊อกเพื่อพยุงราคาเช่นที่ผ่านมา"นายเชาว์ กล่าว

นายเชาว์ กล่าวว่า ในส่วนความคืบหน้าผลการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง เจ้าของสวนยางจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 83,626 ครัวเรือน วงเงิน 585.83 ล้านบาท จากเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 350,882 ครัวเรือน บันทึกข้อมูลลงในระบบแล้ว 150,882 ครัวเรือน อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้อง 2 แสนครัวเรือน