ผู้เขียน หัวข้อ: ลงพื้นที่ติดตามรับซื้อยาง 17 จุดที่บุรีรัมย์ยังเงียบเหงา  (อ่าน 603 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87776
    • ดูรายละเอียด
ลงพื้นที่ติดตามรับซื้อยาง 17 จุดที่บุรีรัมย์ยังเงียบเหงา


คณะกรรมการโครงการส่งเสริมการใช้งานในหน่วยงานภาครัฐระดับ จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่ติดตามการรับซื้อยางในโครงการฯของรัฐบาลเพื่อช่วย เหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ 6 ใน 17 จุด พบเกษตรกรนำยางมาขายน้อย เหตุยุ่งยาก ได้เงินช้า ทั้งราคาไม่แตกต่างจากตลาดมากนัก ทั้งพบส่วนใหญ่นำยางคุณภาพมาขาย ทำให้ไม่ได้ราคาตามโครงการ

   (27 ม.ค.59) คณะกรรมการบริหารโครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐระดับจังหวัด บุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ติดตามการรับซื้อยางพาราในโครงการฯของรัฐบาล เพื่อ ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำจำนวน 6 จุด คือ ตลาดกลางยางพาราจังหวัดบุรีรัมย์ , สหกรณ์การเกษตรคูเมือง ,สหกรณ์การเกษตรสตึก , สหกรณ์นิคมแคนดง ,สหกรณ์กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางแคนดงและสหกรณ์กองทุนสงเคราะห์การทำสวน ยางโนนสุวรรณ จากที่มีกำหนดเปิดรับซื้อจำนวน 17 จุดกระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆในจังหวัด พบว่าขณะนี้มีเกษตรกรนำยางพาราแผ่นดิบ และยางก้อนถ้วยมาขายในโครงการฯ ค่อนข้างน้อย ไม่คึกคักเท่าที่ควร

จากการสอบถามทราบว่าสาเหตุเนื่องมาจากส่วนใหญ่ได้ปิดหน้ายางแล้ว ทั้ง บางส่วนได้นำยางไปขายยังจุดรับซื้อของเอกชน เพราะราคารับซื้อในโครงการที่ กำหนดไว้กิโลกรีละ 45 บาท ก็ไม่ได้แตกต่างจากราคาท้องตลาดที่รับซื้อกิโลกรัมละ 39 บาท อีกทั้งยังได้รับเงินล่าช้าต้องรอถึง 2 วันหลังจากขายแล้วจึงจะได้รับเงิน แต่ขายให้เอกชนจะได้รับเงินสดทันที ทำให้ เกษตรกรเลือกที่จะขายยางกับจุดรับซื้อเอกชนที่อยู่ใกล้บ้านมากกว่า ทั้งนี้ ยังพบปัญหาเกษตรกรส่วนใหญ่ที่นำยางมาขาย จะเป็นยางคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์ที่ กำหนดไว้ในโครงการฯ

ทำให้ไม่ได้ราคากิโลกรัมละ 45 บาทตามโครงการฯ แต่จะได้ราคาตามคุณภาพของยาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ชี้แจงให้ เกษตรกรทราบแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง

   นายอาคม พิญญศักดิ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร โครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐระดับจังหวัด  กล่าวว่า โครงการรับซื้อยางพาราตามโครงการฯ ดังกล่าว สามารถยกระดับราคายางให้เพิ่มขึ้นได้ โดยจากการสำรวจพบว่าก่อนหน้า นี้ราคายางตามท้องตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 36 บาท ปัจจุบันเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 39 บาท ส่วนปัญหาที่พบทั้งเรื่องคุณภาพยางต่ำ รวมถึงข้อเรียกร้องของเกษตรกร ทั้งการขอให้เพิ่มปริมาณรับซื้อยางจากรายละ 150 กิโลกรัม เป็นรายละ 1 ? 2 ตัน และอยากได้รับเงินทันทีหลังจากขายเสร็จไม่ต้องรอถึง 2 วัน โดยเกษตรกรให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องใช้จ่ายเงิน ก็จะได้นำเสนอต่อ ทางกระทรวงฯ และรัฐบาลเพื่อรับทราบและหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป



วันที่โพสข่าว : 27 มค. 2559 เวลา 16:44 น.เนชั่น