ผู้เขียน หัวข้อ: ฉัตรชัยรับปากเพิ่มโควตายาง'สนช.'จี้สอบปั่น  (อ่าน 932 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87756
    • ดูรายละเอียด

ฉัตรชัยรับปากเพิ่มโควตายาง'สนช.'จี้สอบปั่น



หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 30 มกราคม 2559 00:00:49 น.
 
ไทยโพสต์ * "นายกสมาคมยางฯ" โวยรัฐ บาลแก้ปัญหายางพาราไม่ตรงเป้า ชี้ตีกรอบซื้อยางแค่รายละ 150 กก. แถมจ่ายเงินเข้าบัญชี สร้างภาระให้เกษตรกรเพิ่ม แนะปรับวิธีใหม่ไม่กำหนดปริมาณรับซื้อ "ฉัตรชัย" ลงพื้นที่อีสานรับปากพิจารณาขยายโควตาเพิ่ม แต่ขอประเมินผลโครงการนำร่อง 1 แสนตันก่อน "กยท." ประกาศเปิดรับสมัครคัดเลือกผู้ว่าฯ "สนช." ตั้งกระทู้จี้พาณิชย์สอบเส้นทางเงิน 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ปั่นราคายาง


เมื่อวันศุกร์ นายบุญส่ง นับทอง นายก สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศ ไทย กล่าวถึงมาตรการแทรกแซงราคายาง พาราของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาราคายางตก ต่ำว่า ขณะนี้การเปิดจุดรับซื้อยางพาราของรัฐบาลถือว่าไม่ตรงเป้า และไม่ตรงกับความต้อง การของเกษตรกร เพราะขายได้แค่รายละ 150 กิโลกรัม และขายได้เพียงครั้งเดียว ส่งผลให้มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการน้อยมาก ไม่คุ้มกับการนำยางไปขายทำให้ราคายางในขณะนี้ไม่ได้กระเตื้องขึ้นมามากนัก
 
"เกษตรกรยังเดือดร้อนจากยางที่ราคาตกต่ำ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลนำยางในสต็อกที่ยังไม่ได้มีการเจรจาขายกว่า 1 แสนตัน นำออกมาทำถนนในทันที ส่วนที่รับซื้อก็รับซื้อต่อไป และนำมาทำถนนเช่นกัน เพราะเมื่อยางในสต็อกหมด ราคายางก็จะปรับขึ้นตามความต้องการ" นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางฯ กล่าว
 
เช่นเดียวกับ นายสาฝีอี โต๊ะบู ผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมสหพันธ์ชาว สวนยางแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมชาวสวนยางพาราจังหวัดสตูล กล่าวว่า ปัญหาเท่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้และในภาคอีสาน พบการกำหนดจุดรับซื้อยางพารามีน้อย ทำให้เป็นปัญหากับเกษตรกรที่จะนำยางพาราไปขายที่บางพื้นที่มีระยะทางไกลจาก ชุมชนตัวเอง
 
นายสาฝีอีกล่าวว่า ในบางพื้นที่เกษตรกรประสบปัญหาเมื่อนำน้ำยางไปขายยังจุดรับซื้อแล้ว แต่จุดรับซื้อกลับมีการจ่ายเงินค่ายางค่อนข้างจะล่าช้า โดยเฉพาะกระบวนการจ่ายเงิน จะต้องผ่านระบบบัญชีของเกษตรกร ซึ่งเป็นปัญหากับเกษตรกรที่จะต้องนำเงินรายได้จากค่ายางพารามาใช้จ่ายในครัว เรือนในแต่ละวัน
 
"รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการอยู่ 2 ส่วน คือ 1.รัฐบาลจะต้องแก้ไขระเบียบ หรือข้อกำกัดเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง เนื่อง จากที่รัฐบาลหรือ กยท.ออกระเบียบมานั้นทำให้เป็นปัญหาในทางปฏิบัติ ส่วนที่ 2 ให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนวิธีการรับซื้อ ยางพารา โดยแก้ปัญหาการรับซื้อยาง พาราเหมือนในปี 2540-2543 ที่ผ่านมา ที่รัฐบาลยุคนั้นมีโครงการในการแทรก แซงราคายางด้วยการเปิดโอกาสให้เกษตรกรชาวสวนยางพารานำยางมาขายได้ทุกครัว เรือน ซึ่งไม่มีการกำหนดเงื่อนไขที่กระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยาง หรือจำกัดเฉพาะเกษตรกรผู้ที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท.แต่อย่างใด" ผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางฯ กล่าว
 
ขณะที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เดินทางลงพื้น ที่ติดตามการซื้อขายยางพาราตามนโย บายรัฐบาล ที่สหกรณ์กองทุนสวนยางนาแต้ จำกัด อ.เมืองฯ จ.อำนาจเจริญ
 
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า จากการรับฟังเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อนโยบายที่เข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในช่วงเวลา สั้นๆ ซึ่งการดำเนินการต่อจากนี้ รัฐบาลจะเร่งเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนโรง งานแปรรูปยาง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์แปร รูปยางใช้ในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้นกว่าการส่งออกเป็นยางดิบขั้นต้น ซึ่งปี 2559 จะต้องมีความชัดเจนให้ได้ เพราะแต่ละปีผลิตยางดิบประมาณปีละ 4 ล้านตัน แต่มีการใช้ภายในประเทศเพียง 500,000 ตันเท่านั้น
 
"เกษตรกรชาวสวนยางอย่าพึ่งราคายางเพียงอย่างเดียว ต้องสร้างรายได้เสริมในสวนยางที่รัฐมีโครงการให้กู้วงเงิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 เพื่อทำการเกษตรที่เหมาะสมกับพื้นที่ ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะให้เกษตรกรสามารถใช้พื้นที่สวนยางเพิ่มราย ได้ด้วย" พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
 
ถามถึงข้อเสนอจากชาวสวนยางที่ให้พิจารณาเพิ่มจุดรับซื้อยาง รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า จะรับไปพิจารณาในพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ และเกษตรกรสะดวก เพราะส่วนใหญ่จุดรับซื้อค่อนข้างจะเพียงพอและใช้จุดที่เกษตรกรมีการชื้อขาย กันมาก่อนแล้ว แต่หากจำเป็นจริงๆ ก็จะขยายให้ได้ตามความจำเป็น
 
"วันนี้เท่าที่ลงมาดูในพื้นที่ รับทราบปัญหาจากเกษตรกรชาวสวนยางว่ามีความต้องการอยากได้โควตามากขึ้น ก็จะประเมินโครงการนำร่อง 100,000 ตันนี้ก่อน ซึ่งถือเป็นการนำ ตลาดยางด้วย โดยมอบหมายการยาง แห่งประเทศไทย (กยท.) ติดตามประ เมินผล เพื่อเตรียมความพร้อมมาตรการต่างๆ ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลเปิดกรีดยางเดือน พ.ค. ก็จะนำเข้าพิจารณาของบอร์ด กยท. เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป" รมว.เกษตรฯ กล่าว
 
ด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านเก่าร้าง จำกัด ต.คลองหอยโข่ง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ซึ่งเป็น 1 ใน 46 จุดรับซื้อยางของ จ.สงขลา ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการ รวมทั้งรับฟังปัญหาข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น
 
นายสาโรชน์ สุคนธวัตน์ ประธานกรรมการสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านเก่าร้าง กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลช่วยเพิ่มเงินสนับสนุนค่าบริหารจัดการในการดำเนินงานของ สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ จาก 1 เปอร์เซ็นต์ เป็น 3 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งต้องการให้ปรับแก้เงื่อนไขต่างๆ โดยเฉพาะชาวสวนยางที่มีพื้นที่น้อยกว่า 15 ไร่ สามารถขายยางได้ตลอดโครงการ โดยไม่ต้องกำหนดไว้แค่คนละ 150 กก. เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจ และสามารถช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่เป็นรากหญ้าได้อย่างแท้จริง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เปิดให้นักศึกษาที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากราคายางตกต่ำจนไม่มีเงินชำระค่า เล่าเรียน ตั้งแต่กลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีนักศึกษามาลงชื่อทั้งสิ้น 2,367 คน
 
วันเดียวกัน คณะกรรมการสรร หาผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ออกประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการยางแห่ง ประเทศไทย (กยท.) ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.-12 ก.พ.2559 โดยให้ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.rubber.co.th หรือฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล การยางแห่งประเทศไทย
 
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณากระทู้ถามเรื่องปัญหาผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่มีราคาสูงกว่าต้นทุน การผลิต ที่แท้จริง ซึ่ง พ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต สมา ชิก สนช. ถามนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ว่าขณะนี้ยางพารามีราคาตกต่ำ แต่เหตุใดผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง พาราคือยางรถยนต์จึงมีราคาแพงมาก กรมการค้าภายในระบุว่าเป็นไปตามกลไก แต่ทำไมราคาน้ำยางจึงไม่กระ เตื้องขึ้น
 
นอกจากนี้ พ.ต.ท.พงษ์ชัยกล่าวว่า อยากให้ ปปง.เข้ามาตรวจสอบผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการส่งออกยาง ซึ่งเป็น 3 บริษัทค่ายใหญ่ วันนี้ได้กำไรมหาศาลกี่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ราคายางพาราตกจะไปโทษเป็นเพราะ 5 เสือ หรือยางล้นตลาดประเทศจีนก็ไม่ใช่ ต้องไปแกะเส้นทางของบริษัทใหญ่ 3 รายนี้ ว่าไปร่วมกำหนดราคากลางของยางพาราจริงหรือไม่
 
นางอภิรดีชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์มียางพาราเป็นส่วนผสมเพียง 18 เปอร์เซ็นต์ ยางสังเคราะห์ 17 เปอร์เซ็นต์ และอื่นๆ รวมทั้งค่าแรงยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ตรวจตราและให้ความสำคัญกับราคายาง รถยนต์
 
"ในส่วนตลาดซื้อขายของกระ ทรวงพาณิชย์ ได้โอนมอบให้ตลาดหลัก ทรัพย์ แต่เชื่อว่าในอนาคตตลาดซื้อขายล่วงหน้าเราจะมีบทบาทมากขึ้น อย่างไรก็ตาม รับปากว่าจะไปศึกษาเส้นทางการเงินของทั้งบริษัทใหญ่ 3 รายดังกล่าว" รมว.พาณิชย์กล่าว.