ผู้เขียน หัวข้อ: ยุ่งยากได้เงินช้า! เกษตรกรบุรีรัมย์นำยางขายโครงการรัฐแค่ 12,800 กิโลฯ  (อ่าน 748 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87756
    • ดูรายละเอียด
ยุ่งยากได้เงินช้า! เกษตรกรบุรีรัมย์นำยางขายโครงการรัฐแค่ 12,800 กิโลฯ


โดย MGR Online

31 มกราคม 2559 11:05 น. (แก้ไขล่าสุด 31 มกราคม 2559 12:47 น.)


เกษตรกร บุรีรัมย์นำยางแผ่นและยางก้อนถ้วยมาขายในโครงการของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรประสบปัญหาราคาตกต่ำน้อยเพียง 12,800 กก. เหตุขั้นตอนยุ่งยากและได้รับเงินล่าช้า วันนี้ ( 31 ม.ค.)

บุรีรัมย์ - หลังเปิดรับซื้อยางพาราในโครงการรัฐบาลตั้งแต่ 25 ม.ค. เป็นต้นมา พบมีเกษตรกรบุรีรัมย์นำยางแผ่น และยางก้อนถ้วยมาขายน้อยเพียง 12,800 กิโลฯ เหตุส่วนใหญ่ปิดหน้ายางแล้ว อีกทั้งขั้นตอนขายในโครงการยุ่งยาก และได้รับเงินล่าช้า จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือตั้งแต่ต้นฤดู       
        วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการรับซื้อยางพาราตามโครงการ ?ส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ? ในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคายางตกต่ำ ทั้ง 17 จุด ที่จังหวัดบุรีรัมย์ไม่คึกคักเท่าที่ควร โดยหลังจากมีการเปิดรับซื้อมาตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีเกษตรกรนำยางพารามาขายในโครงการเพียง 104 ราย แยกเป็นยางแผ่นดิน จำนวน 10,676 กิโลกรัม ยางก้อนถ้วย 2,207 กิโลกรัม รวม 12,883 กิโลกรัม หรือประมาณ 12 ตันเท่านั้น
       
        โดยสาเหตุที่เกษตรกรนำยางมาขายในโครงการฯ น้อย เนื่องจากส่วนใหญ่เกษตรกรในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จะปิดหน้ายางแล้ว ส่วนเกษตรกรที่ยังมียางอยู่ในมือส่วนน้อยนั้นเลือกนำไปขายให้แก่จุดรับซื้อ ของเอกชน หรือขายให้แก่สหกรณ์แต่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพราะการขายในโครงการมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ทั้งจำกัดปริมาณรับซื้อ และคัดคุณภาพ ที่สำคัญได้รับเงินล่าช้า จึงทำให้เกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการน้อย
       
        นายมานิจ กลมไธสง อายุ 63 ปี เกษตรกร ต.สระบัว อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนปลูกยางทั้งหมด 6 ไร่ ทำยางแผ่นประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือทำเป็นยางก้อนถ้วย แต่ก่อนหน้านี้ได้ขายยางให้แก่เอกชนไปเกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเลือกขายให้แก่สหกรณ์ แต่ไม่ได้ขายในโครงการฯ เพราะขั้นตอนยุ่งยาก และได้รับเงินล่าช้า จึงเลือกขายเอกชนแทนเนื่องจากจำเป็นต้องใช้จ่ายเงิน อีกทั้งราคาในโครงการกับท้องตลาดทั่วไปไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
       
        ทั้งนี้ มองว่าการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากส่วนใหญ่ได้ปิดหน้ายางไปแล้วทำให้เกษตรกรในพื้นที่ไม่ได้รับ ประโยชน์เท่าที่ควร ขณะที่ราคาไม่ได้ต่างจากท้องตลาดมากนัก จึงอยากฝากถึงรัฐบาลหากจริงใจจะช่วยเหลือเกษตรกรควรจะช่วยพยุงราคาตั้งแต่ ต้นฤดูเปิดกรีด และราคาไม่ควรจะต่ำกว่ากิโลกรัมละ 60 บาท เกษตรกรจึงอยู่ได้
       
        ด้าน นายจูมทอง ประวะศรี ประธานสหกรณ์นิคมแคนดง จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดโครงการจนถึงขณะนี้ มีเกษตรกรนำยางมาขายในโครงการที่สหกรณ์นิคมแคนดง เพียง 18 ราย เนื่องจากโครงการออกมาล่าช้า ส่วนใหญ่เกษตรกรจะปิดหน้ายางไปแล้ว ทำให้ไม่มียางมาขาย ส่วนที่เหลืออยู่จะเลือกขายนอกโครงการมากกว่าเพราะในโครงการค่อนข้างยุ่งยาก อีกทั้งได้รับเงินล่าช้า จึงไม่จูงใจให้เกษตรกรเข้าร่วม
 
 
[/t][/t][/t]
ยุ่งยากได้เงินช้า! เกษตรกรบุรีรัมย์นำยางขายโครงการรัฐแค่ 12,800 กิโลฯ height=403 [/t][/t][/t][/t][/t][/t]
[/Center]  [/size]
         
 
 
[/t][/t][/t]
ยุ่งยากได้เงินช้า! เกษตรกรบุรีรัมย์นำยางขายโครงการรัฐแค่ 12,800 กิโลฯ height=403 [/t][/t][/t][/t][/t][/t]
[/Center] 
         
 
 
[/t][/t][/t]
ยุ่งยากได้เงินช้า! เกษตรกรบุรีรัมย์นำยางขายโครงการรัฐแค่ 12,800 กิโลฯ height=403[/t][/t][/t][/t][/t][/t]
[/Center]
[/table][/tr][/table][/td][/tr][/table][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table]