ผู้เขียน หัวข้อ: ประวิตร ผู้นำเบอร์สองจับมือรัสเซียเกมถ่วงดุลใหม่-ผลประโยชน์ใหม่ !?  (อ่าน 703 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87737
    • ดูรายละเอียด
ประวิตร ผู้นำเบอร์สองจับมือรัสเซียเกมถ่วงดุลใหม่-ผลประโยชน์ใหม่ !?
โดย MGR Online

23 กุมภาพันธ์ 2559 06:40 น. (แก้ไขล่าสุด 23 กุมภาพันธ์ 2559 06:44 น.)

ประวิตร ผู้นำเบอร์สองจับมือรัสเซียเกมถ่วงดุลใหม่-ผลประโยชน์ใหม่ !? height=366

ตามกำหนด การวันที่ 23-24 กุมภาพันธ์นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะนำคณะชุดใหญ่ไปเยือนรัสเซีย แน่นอนว่าหากพิจารณาตามตำแหน่งหน้าที่ก็ต้องมีเรื่อง "ความมั่นคงนำหน้า" เป็นเรื่อง"ลับมาก"เสียเป็นส่วนใหญ่ ข่าวคราวเรื่องราวรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางในครั้งนี้จึงเล็ดลอดออกมา ให้ได้ยินน้อยมาก ส่วนใหญ่ล้วนออกมาจากสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะออกมาจากสื่อรัสเซียเป็นหลัก
       
        อย่างไรก็ดีตามกำหนดการที่เผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการต้องยอมรับว่า เป็นการเดินทางคณะใหญ่ไม่ต่างจากคณะของนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องจับตามองก็คือมีกำหนดการเจรจาหารือในเรื่องสำคัญหลาย เรื่องในช่วงการเดินทางไปเยือนคราวนี้ด้วย นั่นคือการเจรจาตกลงซื้ออาวุธหลายประเภท การเจรจาขายสินค้าจากไทยเป็นการแลกเปลี่ยน
       
        สำหรับคณะที่เดินทางไปครั้งนี้นอกเหนือจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ยังมีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะนักธุรกิจอีกชุดใญ่ และตามกำหนดการที่เล็ดลอดออกมาจะเป็นการเดินทางไปเยือนเบลารุส ประเทศเอกราชที่เคยเป็นหนึ่งในเครือสหภาพโซเวียตอีกด้วย
       
        แน่นอนว่าการเดินทางไปคราวนี้ต้องโฟกัสไปที่รัสเซียเป็นหลัก เพราะเป็นหนึ่งระเทศมหาอำนาจแถวในเวลานี้และกำลังแผ่อิทธิพลวัดกำลังกับ สหรัฐอเมริกา รวมทั้งเป็นทั้งมิตรและคู่แข่งกับจีนกลายๆอยู่ด้วย ดังนั้นการไปรัสเซียเชื่อว่าหลายฝ่ายกำลังจับตามอง ทั้งในเรื่องของการกระชับความสัมพันธ์ไทย-รัสเซียที่กำลังจะครบ 120 ปี และความมั่นคง ความสัมพันธ์ทางทหาร ถือว่าไม่ธรรมดาแน่นอน
       
        ตามกำหนดการจากฝ่ายไทยที่ออกมาล้วนออกมาในเชิงการเจรจาขายสินค้า เกษตรประเภทข้าว ยางพารา เพื่อแลกเปลี่ยนกับอาวุธยุทโธปกรณ์บางอย่างเช่น เครื่องบิน รถถังบางชนิด เป็นลักษณะเคาน์เตอร์เทรด แต่ตามข่าวคราวที่เล็ดลอดออกมาจากสื่อรัสเซีย เช่น สำนักข่าวทาสส์ สำนักข่าวกึ่งทางการของรัสเซียรายงานก่อนหน้านี้ว่า ทั้งสองฝ่ายมีการเจรจาต่อเนื่องกันนานพอสมควรแล้ว เช่นมีการไปเยี่ยมชมอาวุธระหว่างที่มีการแสดงแอร์โชว์ที่สิงคโปร์ และล่าสุดเลขาธิการสภาความมั่นคงของรัสเซียก็เพิ่งเดินทางเข้าพบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในไทยและมีการตกลงกันในเบื้องต้นไปบ้างแล้ว
       
        อย่างไรก็ดีหากลิสต์รายการที่ไทยต้องการสั่งซื้ออาวุธจากรัสเซียใน เวลานี้ตามรายงานก็ต้องบอกว่ามีหลายรายการ เช่น เฮลิคอปเตอร์ mi-17v5 จำนวน 10 ลำ อ้างว่าเพื่อมาแทนเฮลิคอปเตอร์แบบชินุก รุ่นเก่าที่ล้าสมัย ใช้งานมานานหาอะหลั่ยซ่อมยากและมีราคาแพง เครื่องบิน Be-200 ที่ระบุว่าต้องการนำมาใช้ในภารกิจดับไฟป่า ส่วนจะสนใจซื้อจำนวนกี่ลำนั้นยังไม่มีรายงานระบุชัด
       
        แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุดก็คือการเจรจาจัดซื่อรถถังหลักของกองทัพ บก ที่ตามรายงานออกมาหลายกระแส แม้ว่าจะไม่ตรงกันในรายละเอียดว่าเป็นรถถังรุ่นใด จำนวนกี่คัน แต่สามารถจับคยามได้ก็คือการเดินทางไปเยือนรัสเซียคราวนี้ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะต้องมีการเจรจาซื้ออาวุธแน่นอน ตามรายงานก่อนหน้านี้ของ"สำนักข่าวอิสรา"เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ระบุว่ากองทัพบกเตรียมใช้งบประมาณจำนวน 8997,450,000 บาท เพื่อจัดซื้อรถถังรัสเซียรุ่น t 90a หลังติดปัญหาการสั่งซื้อรถถัง opot จากยูเครน โดยเป็นการตั้งงบประมาณผูกพัน 3 ปี ตั้งแต่ปี 59-61 เป็นการซื้อเพื่อทดแทนรถถัง m 41 ที่ผลิตโดยสหรัฐจำนวน 51 คัน เนื่องจากใช้มานานตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนามกว่า 50 ปีแล้ว
       
        ที่ผ่านมาไทยได้ตกลงซื้อรถถังt-84 oplotm จากยูเครนมาตั้งแต่ปี 2554 และตามสัญญาต้องมีการส่งมอบครบตั้วแต่ปี 2558 แต่เนื่องจากยูเครนมีปัญหาเศรษฐกิจภายในทำให้การส่งมอบล่าช้ามาตลอด และภายในปีนี้ก็ยังมีแนวโน้มผลิตและส่งมอบไม่ทัน ทำให้มีข่าวว่าไทยเตรียมหันเหไปซื้อรถถังจากรัสเซีย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือรถถัง t90a ดังกล่าว รวมทั้งรถถังรุ่นล่าสุด t90ms ที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาสื่อเวียดนามก็ได้รายงานข่าวนี้ออกมาแล้ว
       
        พิจารณาจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวแม้ว่าในการจัดซื้อยังไม่มีข้อสรุป และยังเป็นความลับสุดยอด ยังเป็นเรื่อง"ลับลวงพราง"ในเรื่องตัวเลขงบประมาณ เพราะเป็นเรื่อง"อ่อนไหว"ทุกที แต่ก็พอมองเห็นได้ว่ามีการจัดซื้อ"ล็อตใหญ่"แน่นอน ซึ่งก็คงมีทั้งการเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าเกษตร เช่น ข้าวกับยางพารา แต่ส่วนหลักก็ยังเป็นการตั้งงบประมาณผูกพันข้ามปีอย่างน้อยสามปีขึ้นไป ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องจับตามองกันอีกก็คือการไปรัสเซียเที่ยวนี้มันเหมือน กับการปรับความสมดุลใหม่อีกชั้นหนึ่ง เป็น"สามอำนาจ"จากเดิมที่มีแค่ สหรัฐฯกับจีน มาเป็น สหรัฐ จีนและรัสเซีย ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้แตะมือกันแนบชิดมาเป็นพิเศษ
       
        หากยังจำกันได้ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ดิมิทรี เมดเวเดฟ มาเยือนไทยเมื่อปีที่แล้วได้รับการต้อนรับจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแบบ"พิเศษ"เรียกว่าสร้างความประทับ ใจ และเชิญนายกฯไทยไปเยือนเป็นการตอบแทน ซึ่งตามกำหนดการที่ออกมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีกำหนดไปเยือนรัสเซียในเดือนพฤษภาคมมีวาระสำคัญร่วมฉลองความสัมพันธ์ ไทย-รัสเซียครบรอบ 120 ปี และน่าสนใจก็คือการเดินทางไปเยือนรัสเซียของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คราวนี้ก็ได้พบกับ นายกฯรัสเซีย เมดเวเดฟอีกด้วย
       
        ดังนั้นนาทีนี้ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าวาระการเยือนรัสเซีย ของคณะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่รับรู้ว่ามีอิทธิพลสูงมากในเวลานี้ไปพบหารือในเรื่องสำคัญ ทั้งซื้ออาวุธล็อตใหญ่ การเจรจาทางการค้าและที่น่าจับตาก็คือ"เกมถ่วงดุลอำนาจใหม่"รวมทั้ง"ผล ประโยชน์ใหม่"ที่มาพร้อมๆกัน !!