ผู้เขียน หัวข้อ: จีนชะลอส่งมอบยางลอต 2 ไม่กระทบกยท.เดินหน้าหาตลาดใหม่-ยันเอกชนต่อสายขอซื้ออื้อ  (อ่าน 641 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82970
    • ดูรายละเอียด
จีนชะลอส่งมอบยางลอต 2 ไม่กระทบกยท.เดินหน้าหาตลาดใหม่-ยันเอกชนต่อสายขอซื้ออื้อ


ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ประเทศไทยได้จัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558?2565 และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร เป็นความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร ร่วมกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่แสดงเจตจำนงในการซื้อสินค้าเกษตร ได้แก่ ข้าวและยางพาราจากประเทศไทย ทั้งนี้ ยางพารา เป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย ได้มอบให้การยางแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบซื้อขายยางกับ บริษัท ซิโนเคม อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด เป็นบริษัทผู้แทนของประเทศจีน โดยได้ทำสัญญาซื้อขายยางจำนวน 2 แสนตัน แบ่งเป็นยางแผ่นรมควันชั้น 3 จำนวน 1.5 แสนตัน และยางแท่ง STR 20 จำนวน 5 หมื่นตัน และจะต้องส่งมอบเดือนละ 16,667 ตัน รวม 12 งวด คิดราคาซื้อขายตามราคาเฉลี่ยของตลาดซื้อขายล่วงหน้าโตเกียว (TOCOM) และตลาดซื้อขายยางล่วงหน้าสิงคโปร์ (SICOM) ซึ่งได้ส่งมอบยางลอตแรกไปเมื่อเดือนเมษายน 2559 จำนวน 16,667 ตัน มูลค่า 26 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากนั้น บริษัท ซิโนเคม ได้ขอชะลอส่งมอบยางลอตที่ 2 จนถึงปัจจุบัน


    ผู้ว่าการ กยท. กล่าวเพิ่มเติมว่า กยท. มีความพยายามในการเร่งรัดให้ซิโนเคมปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งหลังจากมีการเจรจาทางซิโนเคมแจ้งว่าจะชะลอการส่งมอบยางในลอตที่ 2 แต่ทั้งนี้การดำเนินงานดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงเวลาตามที่ระบุในสัญญา โดยขอฟังผลการเจรจาในเรื่องการสร้างทางรถไฟ ซึ่งตัวแทนจีนยืนยันว่ามีความเกี่ยวพันกันระหว่างสองสัญญานี้ อย่างไรก็ตาม กยท.ได้ขอความชัดเจนในเรื่องของเวลาและขอให้มีการดำเนินการจ่ายเงินในส่วนของคำสั่งซื้อเดิมให้เรียบร้อย



    ทั้งนี้ ปัญหาการชะลอส่งมอบยางให้กับทางซิโนเคมไม่ส่งผลกระทบต่อ กยท. แต่อย่างใด เพราะปัจจุบันมีผู้ซื้อจากหลายบริษัทให้ความสนใจและแสดงความจำนงในการขอซื้อยาง เนื่องจากเห็นว่า กยท. มีบทบาทในการเป็นตัวกลางรวบรวมยางจากเกษตรกรและปรับคุณภาพยางให้ได้มาตรฐาน และขณะนี้กำลังเตรียมที่จะตกลงเรื่องเงื่อนไขราคา ซึ่งซิโนเคมก็เป็นผู้ซื้อรายหนึ่งเช่นกัน และทุกวันนี้สัญญายังคงเดินหน้าซื้อขายยางตามสัญญาต่อไป และที่สำคัญ การขายยางของ กยท. จะเน้นการค้าขายยางโดยมองหาตลาดใหม่ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาคเอกชน กลุ่มหรือสถาบันเกษตรกรในการร่วมกันพัฒนาสินค้าและตลาดยาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับ

ผู้ประกอบกิจการยางทุกฝ่าย


    ?ส่วนปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความต้องการยางพาราโลกขึ้นอยู่กับแนวโน้มและภาพรวมเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบ การพัฒนาในภาคส่วนอุตสาหกรรมยางสังเคราะห์ และการเปลี่ยนแปลงของส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง จากการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยการเติบโตของปริมาณความต้องการยางพาราโลก ซึ่งค่าเฉลี่ยการเติบโตของปริมาณความต้องการยางพาราต่อปีประมาณ ร้อยละ 3.3 ดังนั้น ค่าเฉลี่ยการเติบโตของปริมาณความต้องการใช้ยางต่อปีอาจจะอยู่ในช่วงร้อยละ 2-4 ต่อปี นอกจากนี้ ราคายางในตลาดล่วงหน้าซึ่งเป็นตลาดที่ทราบปริมาณความต้องการของผู้ซื้อและปริมาณยางที่ต้องเก็บไว้เพื่อส่งมอบ จึงสามารถกำหนดราคาได้ แต่เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับราคาซื้อขายยางปัจจุบันในประเทศไทยแล้ว พบว่าราคาสินค้าและค่าขนส่ง รวมถึงค่าภาษีทั้งในประเทศและภาษีนำเข้าในต่างประเทศที่จะเกิดขึ้นจริงแล้ว จะเห็นได้ว่าราคาซื้อขายยางในประเทศไทยมีแนวโน้มจะสูงกว่าราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่เป็นอยู่ เพราะยางที่มีการซื้อขายปัจจุบันในประเทศถือว่ามีคุณภาพสูงกว่ายางที่ถูกเก็บไว้สำหรับซื้อขายในอนาคต? ดร.ธีธัช กล่าว



    (ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า ประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559)