คืนเงินกู้ซื้อยางแล้ว3พันล.
ธ.ก.ส.ยิ้มออก กยท.เร่งขายในสต๊อกยาง ทยอยคืนเงินกู้แล้วกว่า 3,000 ล้านบาท กยท. นับถอยหลัง เตรียมโละล็อตสุดท้ายอีกกว่า 1 แสนตัน ด้านสหกรณ์/สถาบันเกษตรกร 388 แห่ง วิ่งขอยืดชำระหนี้สินเชื่อรวบรวมยางอีก 36 เดือน
จากราคายางพาราที่ตกต่ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลต้องเข้ามาแทรกแซงเพื่อยกระดับราคาใน 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง(รัฐบาลยิ่งลักษณ์) และ 2.โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางหรือบัฟเฟอร์ฟันด์(รัฐบาลปัจจุบัน) โดยซื้อปริมาณยางรวม 3.1 แสนตัน ล่าสุดทางการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) อยู่ระหว่างเปิดประมูลระบายยางในสต๊อกในครั้งที่ 3 ของปีนี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยกับ ?ฐานเศรษฐกิจ? ว่า 2โครงการแทรกแซงราคายางดังกล่าว เป็นเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)รวม 2.9 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการพัฒนาศักยภาพฯ วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนฯ วงเงิน 8,890ล้านบาท (ดูตารางประกอบ) ล่าสุด ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ทาง ธ.ก.ส. รายงานว่า ขณะนี้ทาง กยท.ยังอยู่ระหว่างการคืนเงินจากการขายยางให้แก่ ธ.ก.ส. โดยล่าสุดได้รับเงินมาแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท คาดภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะได้รับเงินคืนทั้งหมด ที่สำคัญในการขายยางในครั้งนี้มีกระแสข่าวเป็นระยะๆ ว่า กยท.ได้กำไร โดยเฉพาะยางในโครงการบัฟเฟอร์ฟันด์
ขณะที่อีกด้านหนึ่งจากที่รัฐบาลปัจจุบันได้มีโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้ในการรวบรวมยางวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ล่าสุดข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2560 มี สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ได้รับอนุมัติเงินกู้ไปก่อนหน้านี้แล้ว 366 แห่ง วงเงินกว่า 5,916 ล้านบาท แต่มีกลุ่มสหกรณ์จะขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้คืนให้ ธ.ก.ส.อีก จากเดิมการชำระหนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2560
สอดคล้องกับ นายธีรชัย แสนแก้ว ประธานคณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกร ชาวสวนยาง การยางแห่งประเทศไทย ระดับประเทศ เผย ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ในโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้ในการรวบรวมยางวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทเป็นระยะเวลา 36 เดือน
ทั้งนี้ไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม 2563 การขยายระยะเวลาดังกล่าวจะมีส่วนในการช่วยให้สถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ยังคงมีเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อผลผลิต เพื่อชะลอปริมาณอุปทานในตลาด และรอเวลาเพื่อจำหน่ายในช่วงที่ราคายางสูงขึ้น
ขณะที่แหล่งข่าวจากผู้ค้ายาง รายงานผลการระบายยางในสต๊อกรัฐบาลของ กยท.ในรอบที่ 3 ปริมาณ 1.01 แสนตัน มีผู้เข้าร่วมการประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอกนิกส์ จำนวน 9 ราย ผลปรากฏว่า มีผู้ชนะ 5 ราย ได้ยางในโกดังภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ระยอง ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์ อาทิ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด(มหาชน) (บมจ.) และบริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด จำกัด เป็นต้น ราคายางที่ขายได้ในครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าขายได้ต่ำกว่าครั้งก่อนหน้านี้ เพราะมีคู่แข่งน้อยราย ปัจจุบันเหลือยางอีกประมาณกว่า 1 แสนตันคาด กยท.จะเปิดระบายครั้งต่อไปในเร็วๆ นี้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,237 วันที่ 19 ? 22 กุมภาพันธ์ 2560
