ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 87.80 จุด วิตก ทรัมป์ ขู่ชัตดาวน์รัฐบาล  (อ่าน 293 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82373
    • ดูรายละเอียด
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 87.80 จุด วิตก ทรัมป์ ขู่ชัตดาวน์รัฐบาล


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2560 06:37:48 น.
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะยอมให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานลง ถ้าหากสภาคองเกรสไม่สนับสนุนงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มขึ้นในวันนี้ ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง
 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,812.09 จุด ลดลง 87.80 จุด หรือ -0.40% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,444.04 จุด ลดลง 8.47 จุด หรือ -0.35% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,278.41 จุด ลดลง 19.07 จุด หรือ -0.30%
 
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงตั้งแต่ตลาดเปิดการซื้อขาย และเคลื่อนไหวในแดนลบจนกระทั่งปิดทำการ หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา โดยทรัมป์กล่าวว่า เขาจะยอมให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงาน ถ้าหากสภาคองเกรสไม่สนับสนุนงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
 
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กำลังมีความขัดแย้งกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการอนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยถ้าหากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณชั่วคราวสำหรับการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงงบในการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐหลายแห่งก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากรัฐบาลขาดงบประมาณในการบริหารประเทศ
 
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ออกรายงานเตือนว่า หากสภาคองเกรสสหรัฐประสบความล้มเหลวในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐในเวลาที่เหมาะสม ฟิทช์ก็อาจต้องปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยมีแนวโน้มปรับลดลงจากระดับ AAA ในขณะนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
 
สภาคองเกรสยังคงไม่มีการบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 19.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐเผชิญเผชิญความเสี่ยงในการผิดนัดชำระดอกเบี้ย และเงินต้นของพันธบัตร โดยหากรัฐบาลสหรัฐไม่มีงบประมาณที่จะบริหารประเทศ ก็จะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนต.ค.
 
หุ้นโลว์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.57 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.61 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ 1.950 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.953 หมื่นล้านดอลลาร์
 
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวลง 0.2% หลังจากคณะลูกขุนของศาลสูงในลอส แองเจลิส เคาน์ตี ตัดสินให้บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จ่ายเงินชดเชยจำนวน 417 ล้านดอลลาร์แก่ผู้บริโภครายหนึ่งซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ โดยระบุว่า บริษัทจอห์นสันต้องรับผิดชอบที่ไม่มีการแจ้งเตือนผู้บริโภรายนี้ เกี่ยวกับความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งจากการใช้ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กจอห์นสัน
 
หุ้นโคตี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ร่วงลง 5.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ
 
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลงในเดือนก.ค. โดยร่วงลง 9.4% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 571,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว หลังจากพุ่งแตะระดับ 630,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย.
 
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "Fostering a Dynamic Global Economy"
 
ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.