ผู้เขียน หัวข้อ: ?ศรีวราห์? ลุยเมืองกาญจน์ ยึดคืนป่าหุบเขาสิงห์สองแคว ถูกนายทุนยึดกว่า 1 พันไร่  (อ่าน 571 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82271
    • ดูรายละเอียด
"ศรีวราห์" ลุยเมืองกาญจน์ ยึดคืนป่าหุบเขาสิงห์สองแคว ถูกนายทุนยึดกว่า 1 พันไร่


เผยแพร่: 6 ธ.ค. 2560 19:40:00   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - รอง ผบ.ตร.นำทีมลุยป่าเมืองกาญจน์ ยึดสวนปาล์ม-ยางพารา กลางหุบเขาสิงห์สองแคว พื้นที่ 2 แปลง รวมกว่า 1,000 ไร่ ทำรัฐเสียหาย 100 ล้านบาท พบกลุ่มนายทุนล้วนเป็นชาวชุมพร

วันนี้ (6 ธ.ค.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ รอง ผบช.รร.นรต. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รรท.รอง ผบช.สันติบาล พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล รรท.ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ประจำ บช.ก. พล.ต.ต.สราวุธ เอี่ยมสำราญ ผบก.อก.สง.ตร. พล.ต.ต.ณัฐแก้ว เมตตามิตรพงศ์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัฆไพร (กรมป่าไม้) เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปที่ห้องประชุมศูนย์ปฎิบัติการ สภ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี

เพื่อประชุมวางแผนในการเข้าตรวจยึดพื้นที่ที่ถูกลุ่มนายทุนบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง นำไปปลูกสวนปาล์ม 2 จุด เนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ บริเวณหุบเขาสิงห์สองแคว หมู่ 5 ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี โดยมี พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ รอง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส. พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผบ.บก.ควบคุม กรม สน.พล.ร.9 พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. นายสุชาติ กัลยาวงศา ผอ.สจป.ที่ 10 (ราชบุรี) นางสาวเพ็ญศรี กลั่นบุศย์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะทั้งหมด ได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ตรวจยึดบริเวณพิกัด UTM WGS19845299059 E , 1520706  ซึ่งเป็นแปลงที่ 1 จากการตรวจสอบพบสภาพพื้นที่เป็นเชิงเขา มีการปลูกปาล์มน้ำมัน อายุ ระหว่าง 1-5 ปี และยางพารา อายุระหว่าง 1-3 ปี และมีบ้านพักคนงาน อยู่จำนวน 4 หลัง โดยมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 862 ไร่

โดยจากการสืบสวนพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีนายประสาน บุศปพงศ์ อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/8 หมู่ 6 ต.ปากคลอง อ.ประทิว จ.ชุมพร เป็นผู้แจ้งหลักฐานแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ เมื่อปี พ.ศ.2557-2560 เลขสำรวจ 282/57 เนื้อที่ 700 ไร่ ซึ่งสภาพปัจจุบันมีการบุกรุกเพิ่มเติมเกินกว่าที่ที่ได้แจ้งไว้กับทางราชการ ประมาณ 162 ไร่ ส่วนคนงานที่ดูแลสวนปาล์มและยางพารานั้นเป็นแรงงานสัญชาติลาวทั้งหมดโดยได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท

จากการตรวจค้นภายในห้องพักคนงานพบหนังสือทำงานของแรงงานชาวลาวอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนแรงงานได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอายัด ตรวจยึด และให้ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยคณะทั้งหมดได้เดินทางไปตรวจสอบที่ดินแปลงที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณพิกัด WSG 1984 527586 E,152637 1N มีนายศิริชัย บุศปพงศ์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 5 ต.จรเข้เผืก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี นายประสงค์ บุศปพงศ์ และนายศุภชัย บุศปพงศ์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม และได้ยื่นหลักฐานเป็นแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ ปี 2557-2560 เลขที่สำรวจ 283/57 เนื้อที่ 362 ไร่ แต่จากการตรวจสอบสภาพปัจจุบัน พบว่าพื้นที่มีการปลูกต้นปาล์มน้ำมัน อายุ 1-5 ปี เป็นการบุกรุกเพิ่มเติมจากที่ได้แจ้งกับทางราชการเอาไว้อีก 15 ไร่ รวมเป็นเนื้อที่ 377 ไร่

จากการตรวจสอบที่ดินทั้ง 2 แปลงโดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศโครงการ WWS ช่วงปี พ.ศ.2495 และภาพถ่ายทางอากาศโครงการ VAP61 พ.ศ.2511 ปรากฏว่าพื้นที่มีสภาพป่าสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ในพื้นที่มาก่อน แต่สภาพปัจจุบันพบว่า มีการตัดไม้ ทำไม้ในพื้นที่ป่าสมบูรณ์ เพื่อให้เป็นที่โล่ง ใช้ในการเพาะปลูก

โดยพื้นที่ดังกล่าวไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและไม่อยู่ในเขตป่าถาวร แต่อยู่ในเขตที่ราชพัสดุตามพระราชกฤษฎีกากำหนดหวงห้ามที่ดินในท้องที่ อ.เมืองกาญจนบุรี อ.วังขนาย อ.บ้านทวน และ อ.วังกะ จ.กาญจนบุรี พ.ศ.2481 เพื่อใช้ประโยชน์ในราชการทหาร ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 294/2534 ที่ดินที่ราชพัสดุเป็นไปตามกระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีประชาชนร้องเรียนไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่ามีกลุ่มนายทุนจากจังหวัดชุมพร มาบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ทั้ง 2 แปลงเพื่อปลูกยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน

จากนั้นจึงส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งก็พบว่าเป็นจริงตามที่มีประชาชนร้องเรียนเข้าไป และในการลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้อาศัยคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 โดยการนำของเจ้าหน้าที่ทหาร โดยพื้นที่ทั้ง 2 แปลงที่ถูกบุกรุกมีเนื้อที่รวมกันประมาณ 1,239 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท

การกระทำของกลุ่มนายทุนดังกล่าว เป็นความผิดฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯเป็นต้น โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11,54 และ 72 ตรี และประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 9 และ 108 ทวิ ซึ่งหน่วยงานที่ได้รับความเสียหายโดยตรง จะเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกลุ่มนายทุนที่กระทำผิดต่อไป