ผู้เขียน หัวข้อ: 3 องค์กรเกษตรเดินสายจุดไฟลนก้น ?เสนาบดี ก.เกษตร-ก.อุตสาหกรรม? แก้ปัญหายางทั้งระบบ-เลิกสารพิษ  (อ่าน 499 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82023
    • ดูรายละเอียด
3 องค์กรเกษตรเดินสายจุดไฟลนก้น ?เสนาบดี ก.เกษตร-ก.อุตสาหกรรม? แก้ปัญหายางทั้งระบบ-เลิกสารพิษ


เผยแพร่: 7 ธ.ค. 2560 14:21:00   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ?ส.ชาวสวยยาง 16 จ.ใต้ - สคยท. - เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง? ส่งตัวแทนเดินสายไป ก.เกษตรและ ก.อุตสาหกรรม เพื่อยื่นหนังสือและร่วมถกแก้ปัญหายางทั้งระบบ พร้อมพ่วงการขอข้อมูลสารพาราควอต คลอร์ไพริฟอสและไกลโฟเซต เพื่อนำไปสู่การเลิกใช้ในที่สุด

นายสุนทร รักษ์รงค์ นายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ และเลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย(สคยท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (7 ธ.ค.) ตนพร้อมด้วยสมาชิกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ และสมาชิก สคยท. รวมถึงเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง ได้เดินทางไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเข้ายื่นหนังสือขอข้อมูลเอกสารการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนต่อนายพีรพันธ์ คอทอง ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อยื่นหนังสือขอให้พิจารณายกเลิกและจำกัดการใช้สารพิษร้ายแรง และขอใช้สิทธิมีส่วนร่วมในการพิจารณาต่อนายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม





จากนั้นช่วงบ่ายของวันนี้ตนและคณะมีกำหนดการประชุมร่วมกับนายลักษณ์ วรนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมกันนั้นจะยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ดนัย มีชูเวท ประธานกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ อีกทั้งประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการผลผลิตทางการเกษตรที่มีนายพรศักดิ์ เจียรนัย เป็นประธานด้วย

สำหรับการยื่นหนังสือขอให้พิจารณายกเลิกและจำกัดการใช้สารพิษร้ายแรง และขอใช้สิทธิมีส่วนร่วมในการพิจารณาต่ออธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมนั้น ก็ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อขอใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ศ.2540 ขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช พาราควอต คลอร์ไพริฟอสและไกลโฟเซต





นายสุนทรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยคณะกรรมการสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ก็ได้เข้ายื่นหนังสือ เพื่อเสนอแนวทางการปฏิรูปยางพาราไทยทั้งระบบต่อนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการ พร้อมด้วยนายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปแล้วเช่นกัน

ทั้งนี้ แนวทางการปฏิรูปยางพาราไทยทั้งระบบที่ได้นำเสนอไปนั้น ประกอบด้วยสาระสำคัญคือ 1.ปฏิรูปเกษตรชาวสวนยาง 2.ปฏิรูปสวนยาง 3.ปฏิรูปการผลิตและแปรรูป 4.ปฏิรูปการตลาด และ 5.ปฏิรูปการยางแห่งประเทศไทย ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ราคายางขยับสูงขึ้นที่ 60-70 บาท/กก. ซึ่งเลยจุดคุ้มทุนที่เกษตรกรชาวสวนยางพอจะรับได้และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้นั่นเอง