ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $22.5 เหตุวิตกสงครามการค้าหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย  (อ่าน 336 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82436
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $22.5 เหตุวิตกสงครามการค้าหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
 


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 24 มีนาคม 2561 07:16:26 น.
 
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันศุกร์ (23 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
 
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 22.5 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 1,349.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.พ. หรือในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาทองคำพุ่งขึ้น 2.9%


สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ดีดขึ้น 19.5 เซนต์ หรือ 1.19% ปิดที่ 16.582 ดอลลาร์/ออนซ์
 
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 948.4 ดอลลาร์/ออนซ์
 
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 10.25 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 971.55 ดอลลาร์/ออนซ์
 
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าเป็นการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ ด้านรัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ โดยพุ่งเป้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 128 รายการ
 
ขณะเดียวกันสัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.36% แตะระดับ 89.46 เมื่อคืนนี้
 
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาลดลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ดอลลาร์และทองคำจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์อ่อนค่า สัญญาทองคำก็จะปรับตัวสูงขึ้น
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 3.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว หลังจากร่วงลง 3.5% ในเดือนม.ค.
 
การพุ่งขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
 
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากร่วงลง 0.4% ในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 7.4% ในเดือนก.พ.
 
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ในก.พ. โดยร่วงลง 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 618,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 622,000 ยูนิตในเดือนม.ค.
 
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้น 4.4% สู่ระดับ 623,000 ยูนิตในเดือนก.พ.