ผู้เขียน หัวข้อ: 'เสาหลักนำทางยางพารา'นวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพสสส. ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน'วท.สุราษฎร์ธานี'  (อ่าน 650 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82024
    • ดูรายละเอียด

'เสาหลักนำทางยางพารา'นวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพสสส. ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน'วท.สุราษฎร์ธานี'



หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2561 00:00:06 น.
 
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยในการจราจรและการใช้รถใช้ถนนของประชากรวัยเด็กและวัยแรงงาน โดยให้ทุกภาคส่วนหาแนวทางในการป้องกันและจัดการกับปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะอุบัติเหตุบนท้องสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมหาศาลในแต่ละปี

 [size=78%]ด้วยการที่เป็นผู้ใช้รถใช้ถนน ผ่านพบเห็นอุบัติเหตุต่างๆ บนท้องถนนมาหลายครั้ง โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ที่เฉี่ยวชนกับเสาหลักกั้นทางซึ่งทำขึ้นจากปูน ที่มักจะทำให้เกิดความเสียหายและสร้างความบาดเจ็บที่รุนแรงต่อตัวของผู้ประสบเหตุ จึงทำให้นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานีมีแนวคิดที่จะหาทางป้องกันและลดระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุ ทีม "สี่สหาย-สายช่าง" ที่เกิดขึ้นจากรวมตัวกันของนักศึกษา ปวช.ปี 3 จากแผนกต่างๆ จึงได้คิดค้นวัสดุที่จะนำมาทดแทน "เสาหลักนำทาง-เสาหลักกิโลเมตร" ที่สร้างขึ้นจากปูนที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน [/size]
 
"ที่ผ่านมาได้เห็นอุบัติเหตุจากการที่รถชนกับเสาหลักที่เป็นปูนหรือแผงเหล็กกั้นทาง ผู้บาดเจ็บก็มักจะมีอาการรุนแรงสาหัส ประกอบกับเคยเห็นว่าตามทางโค้งต่างๆ ในสนามแข่งรถนิยมใช้ยางรถยนต์เก่ามากั้นเพื่อบรรเทาความรุนแรง ก็เลยเอาแนวคิดนี้มาปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษา แล้วก็เกิดความคิดว่าเรามาลองทำเสาหลักนำทางจากยางพารากันดูไหม" นายธรรมนูญ รุจิญาติ "หรั่ง" นักศึกษาแผนกช่างเชื่อมโลหะ ปวช.ปี 3 วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี เล่าถึงที่มาของไอเดีย
 
จากความคิดว่า "น่าจะทำได้" ทำให้สมาชิกของทีมทั้ง 3 คนช่วยกันคิดค้นหาวิธีที่ทำให้ยางพารามีความแข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความทนทานและมีความยืดหยุ่น ไม่สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินและร่างกายของผู้ประสบเหตุไปพร้อมกัน
 
"ตอนแรกก็งง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะยางพาราจะมีคุณสมบัติที่นิ่ม ก็เลยไปหาสารเคมีต่างๆ หรือส่วนประกอบอื่นๆ เข้ามาทดลองผสมดูเพื่อให้มีความแข็งแรง สุดท้ายก็เลยได้ข้อสรุปว่า ใช้ขี้เลื่อยผสมกับยางพาราในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 จะทำให้เสาที่ทำขึ้นนั้นมีความแข็งแรงคล้ายกับไม้ และมีความยืดหยุ่นในขนาดที่พอรับได้ ไม่สร้างให้เกิดความเสียหายกับตัวรถและผู้ขับขี่ และช่วยลดแรงปะทะ ลดความรุนแรงที่เกิดขึ้นลงไปได้มาก" นายณรงค์ศักดิ์ ทิพย์มาก "โดม" นักศึกษา ปวช.ปี 3 จากแผนกเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ กล่าว
 
ผลงาน "เสาหลักนำทางจากยางพารา" ได้ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการรอบแล้วรอบเล่า จาก 134 ทีม จนผ่านเข้าสู่รอบ 19 ทีมสุดท้าย และได้มีการจัดกิจกรรม Workshop เพื่อเรียนรู้มุมมองใหม่ๆ ในการนำนวัตกรรมมาใช้ในการส่งเสริมสุขภาพของชุมชน และเพื่อพัฒนาชิ้นงานให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น
 
"หลังจากนั้นมานั่งคิดกันต่อว่าน่าจะเอาแนวคิดที่ได้รับจากการอบรมมาต่อยอด โดยเริ่มจากการติดตั้งระบบไฟโซลาร์เซลล์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย แต่การติดไฟก็อาจจะยังไม่เพียงพอต่อการป้องกันอุบัติเหตุ ก็เลยมาคิดต่อว่า ถ้าเราทำให้เสาหลักนำทางมีระบบ GPS เวลาที่เกิดเหตุก็สามารถแจ้งเตือนไปยังมูลนิธิหรือกู้ภัยต่างๆ ด้วยก็น่าจะดียิ่งขึ้น ก็เลยมีการพัฒนาระบบ Application เชื่อมเข้ากับระบบ Line เวลาที่เกิดอุบัติเหตุก็จะมีข้อความระบุพิกัดสถานที่เกิดเหตุส่งผ่านระบบ Line เข้าไปที่หน่วยกู้ภัย ก็จะทำให้สามารถมาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ตรงจุดและทันท่วงที" นายอิศร มยาเศรษฐ "บาส" เล่าถึงแนวทางการต่อยอดผลงาน
 
จากไอเดียที่ไม่หยุดนิ่ง ในที่สุดผลงาน "เสาหลักนำทางจากยางพารา" ก็สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศระดับอาชีวศึกษา จากการประกวดนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ หรือ ThaiHealth INNO Awards ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเปิดโอกาสให้กับเยาวชนที่รุ่นใหม่ระดับมัธยมและอาชีวศึกษาได้สร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ที่เกิดขึ้นจากการผสมผสานความคิดริเริ่มสร้างสรรค์บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดีในทุกๆ ด้าน
 
"หากเกิดรถชนที่ไม่รุนแรงมาก แล้วตัวเสาก็จะกลับคืนตัวตั้งขึ้นเองได้เหมือนเดิม จากการทดลองการชนที่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พบว่าตัวรถก็อาจจะมีรอยถลอกนิดหน่อย แต่ไม่เสียหายถึงโครงสร้าง ส่วนคนยังไม่ได้ทดลอง แต่อย่างไรก็ต้องเจ็บน้อยกว่าปูนอยู่แล้ว เพราะมีความยืดหยุ่นมากกว่า"
"เราใส่สารเคมีที่ป้องกันการติดไฟด้วย
 
เพราะตามป่าหญ้าสองข้างทางอาจมีคนทิ้งก้นบุหรี่ หรือมีไฟไหม้ป่า ไหม้หญ้าข้างทาง ตัวเสาตัวนี้ก็จะไม่เสียหาย เพราะไม่ติดไฟ ถ้ามีคนสนับสนุนก็อยากจะให้เอาไปใช้กันทั่วประเทศน่าจะปลอดภัย และสร้างรายได้ให้กับชาวสวนยางได้ด้วย"
 
"เสาของเรา ถ้าเกิดรถชนจนพังสามารถนำมาบดใหม่ใช้ซ้ำได้ และมีราคาต้นทุนประมาณ 300 บาทเท่านั้น ถ้ามีการเอาไปใช้งานจริงๆ ทั่วประเทศก็จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชาวสวนยางพาราที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำอยู่ในขณะนี้ได้อีกด้วย" 3 หนุ่มจากทีมสี่สหาย-สายช่าง ช่วยกันอธิบาย
 
ด้านอาจารย์ศรีวิการ์ เมฆธวัชชัยกุล อดีตรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมตัดสิน เปิดเผยว่า ผลงานเสาหลักนำทางจากยางพารานั้นสามารถตอบโจทย์ที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศได้ 3 ด้านคือ สามารถสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ป้องกัน บรรเทาความรุนแรงจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และเป็นนวัตกรรมใหม่ที่รวมเอาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น มีระบบ GPS เซ็นเซอร์เตือนภัยที่เชื่อมโยงเข้ากับระบบ Line เพื่อแจ้งตำแหน่งที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่มีราคาที่ถูกและสามารถใช้งานได้นานถึง 8 ปี
 
"สิ่งที่สำคัญคือผลงานชิ้นนี้ยังตอบโจทย์ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และปัญหาในเชิงพื้นที่ ซึ่งก็คือเรื่องของยางพาราที่มีราคาตกต่ำ ที่หากขยายผลนำไปใช้ทั่วประเทศ นอกจากจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้แล้ว ยังสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนได้อีกเป็นจำนวนมาก"
 
"สสส.ไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่การประกวดเพื่อให้ได้ชิ้นงานนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ แต่มุ่งหวังที่จะสร้างเมล็ดพันธุ์นักนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ที่เกิดขึ้นทั้งลูกศิษย์และครู ทั้งในระดับมัธยมและอาชีวศึกษา ซึ่ง สสส.ได้วางแผนการทำงานร่วมกับครู อาจารย์ ทั้งสายสามัญและสายอาชีพ เพื่อบ่มเพาะแนวคิดของการเป็นนักนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเชื่อในศักยภาพของคน และความคิดสร้างสรรค์ที่ริเริ่มสิ่งใหม่ โดยใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนและสร้างเสริมสุขภาพให้กับทุกคนในสังคมไทย" ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวสรุป.
บรรยายใต้ภาพ
อาจารย์ศรีวิการ์ เมฆธวัชชัยกุล