ผู้เขียน หัวข้อ: นายกฯ ตรวจราชการจ.บึงกาฬ ย้ำเร่งแก้ปัญหาสินค้าเกษตร ลดความเหลื่อมล้ำ วอนเคารพกติกาหลังปลดล็อก  (อ่าน 490 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82368
    • ดูรายละเอียด
นายกฯ ตรวจราชการจ.บึงกาฬ ย้ำเร่งแก้ปัญหาสินค้าเกษตร ลดความเหลื่อมล้ำ วอนเคารพกติกาหลังปลดล็อก


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 12 ธันวาคม 2561 15:17:09 น.
 
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในระหว่างนำคณะรัฐมนตรี ตรวจราชการในพื้นที่ จ.บึงกาฬว่า จ.บึงกาฬ เป็นพื้นที่ปลูกยางพาราอย่างอันดับหนึ่งของภาคอีสาน กรณีที่ราคายางพาราตกต่ำนั้น เพราะมีการปลูกมากและมีสต็อกของเป็นจำนวนมาก อีกทั้งกลไกราคาต้องอิงจากราคาตลาดโลกไม่สามารถกำหนดได้เอง ดังนั้นแนวทางที่รัฐบาลกำลังแก้ไขคือ มาตรการช่วยเหลือในระยะแรก ให้เงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ส่วนระยะต่อไป ก็หวังให้ เกษตรกรปรับตัวเปลี่ยนแปลงปลูกพืชให้เหมาะสมกับกลไกตลาด ลดพื้นที่ปลูกยางพารา หันมาทำเกษตรผสมผสานและปลูกพืชหลากหลายชนิดทดแทน
 
พร้อมย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงในวันนี้ คือภาคการเกษตร ที่จะต้องกำหนดปริมาณ การผลิต คุณภาพ สินค้า และการตลาด ต้องให้ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวเติบโต มีความเข้มแข็งไปด้วยกัน โดยการใช้เทคโนโลยีอย่างเท่าทัน โดยเฉพาะข้อมูลจากรัฐบาล ที่จะต้องศึกษา และสอบถาม มาโดยตรง อย่าเชื่อโซเซียลที่บิดเบือน




นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การให้เงิน 500 บาทผ่านบัตรประชารัฐ เพื่อลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน แต่ขอให้นำเงินไปใช้อย่างประโยชน์ ซื้อสิ่งของที่จำเป็น ส่วนงบประมาณที่อนุมัติในการใช้จ่ายผ่านบัตรประชารัฐ ก็พิจารณาจากงบประมาณที่มีอยู่ เพราะไม่สามารถนำงบทั้งหมดมาช่วยประชาชนเพียงกลุ่มเดียวได้ เพราะรัฐบาลจะต้องดูแลสวัสดิการในด้านอื่นๆ ทั้ง ด้านสาธารณสุข การศึกษา เป็นต้น
 
นอกจากนี้ แผนบริการจัดการน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนที่มีมากกว่า 2 พันโครงการ อนุมัติงบประมาณกว่า 19,000 ล้านบาท ทำให้มีพื้นที่ทางการเกษตรที่จะได้รับการประโยชน์ มากกว่า 470,000ไร่ และ กว่า 130,000 ครัวเรือนได้รับประโยชน์
 
นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนเคารพกติกา ขณะนี้เมื่อเริ่มมีการปลดล็อกทำกิจกรรมทางการเมือง ก็เริ่มมีการชุมนุมประท้วง ต่อต้าน วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งตนเอง ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร และที่ผ่านมาทุกคนต้องเรียนรู้ และนำมาประสบการณ์มาเป็นบทเรียนของประเทศ และประชาชนทุกคนจะต้องเลือกคนจะเข้ามาเป็นรัฐบาลที่ดี เข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ เช่น เรื่องโครงการจำนำข้าวที่มีข้าวเสียหาย เพราะการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกลไกลตลาด และนับจากนี้ขอให้คำนึงถึงสิ่งที่นักการเมืองพูดว่าทำได้จริงหรือไม่
 
"ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ มีการประท้วง และเดินขบวนถือป้าย ทุกคนต้องคิดว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ทั้งการค้าขาย การสัญจรไปมาไม่ได้ และอาจจะเกิดปัญหาในครอบครัว เพราะคนในครอบครัวไม่สามารถพูดคุยกันได้"
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อปลดล็อกทางการเมืองแล้ว ประชาชนต้องอย่ายอมให้ใครนำพาไปสู่ความวุ่นวาย เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้อีก เพราะประเทศไทยกำลังจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ดังนั้นในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นขอให้ประชาชนเลือกคนจากนโยบายที่ดี
 
รายงานข่าวระบุว่า ในการลงพื้นที่จ.บึงกาฬและหนองคาย ของนายกรัฐมนตรี ถือเป็นครั้งแรกหลังประกาศปลดล็อกคำสั่ง คสช. ซึ่งรวมถึงยกเลิกการห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ทำให้มาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสอบไม่ให้บุคคลที่มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองเข้ามาภายในบริเวณงาน โดยมีการติดป้ายชื่อพร้อมรูปภาพ อดีตแกนนำกลุ่มการเมืองในพื้นที่ห้ามเข้าในพื้นที่ด้วย