ผู้เขียน หัวข้อ: ยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ  (อ่าน 462 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82374
    • ดูรายละเอียด
ยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ
« เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2019, 08:24:20 AM »
ยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

[/size]หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2562 00:00:57 น. [size=78%]

[/size]กองประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
 
ปัจจุบันการที่เรานำสิ่งต่างๆ มาใช้ประโยชน์เพื่อให้เกิดความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นนั้น สิ่งหนึ่งที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ก็คือ ยาง ซึ่งมีทั้งยางธรรมชาติจากต้นไม้ชนิดที่สามารถให้น้ำยางออกมาได้ หรือยางที่ได้จากการสังเคราะห์ โดยสามารถนำไปใช้ในวัสดุเครื่องใช้ต่างๆ เช่น รองเท้า ยางรถ สายไฟฟ้า เป็นต้น
 
คือ ผลิตภัณฑ์ที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อเลียนแบบยางธรรมชาติ ซึ่งจัดว่าเป็นอิลาสโทเมอร์ หรือวัสดุยืดหยุ่นสังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่มีสมบัติพิเศษคือ สามารถเปลี่ยนรูปภายใต้ความเค้นได้มากกว่าวัสดุชนิดอื่นและสามารถกลับคืนรูปได้เหมือนเดิมโดยไม่เกิดการเสียรูปอย่างถาวร
 
ยางสังเคราะห์สามารถสังเคราะห์ได้จากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชั่นของสารตั้งต้นที่เป็นผลผลิตพลอยได้จากกระบวนการกลั่นปิโตรเลียมซึ่งเรียกว่า "มอนอเมอร์ (monomer)" ยางสังเคราะห์แต่ละชนิดจะมีการผสมมอนอเมอร์ ชนิดเดียวหรือหลายชนิดในสัดส่วนที่ต่างกัน เพื่อพัฒนาให้ได้ยางสังเคราะห์ที่มีสมบัติทางกายภาพ ทางกล และทางเคมี ที่แตกต่างกันตามต้องการ
 
คือ ผลิตผลที่ได้จากต้นยางพารา โดยได้จากการกรีดลำต้นและนำเอาของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนม เรียกว่า น้ำยางสด หรือน้ำยางดิบ ประกอบไปด้วยพอลิเมอร์ของสารไอโซพรีน มาผ่านกระบวนการผลิตเพื่อให้เก็บไว้ได้นานและได้น้ำยางสดเข้มข้น
 
น้ำยางสดที่ได้จะถูกนำมาแปรสภาพเป็น 2 ลักษณะ คือ ในรูปของน้ำยางข้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางต่างๆ เช่น ถุงมือยาง อุปกรณ์ทางการแพทย์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และลูกโป่ง เป็นต้น และในอีกลักษณะหนึ่ง คือ ในรูปของยางแห้ง ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแผ่นผึ่งแห้ง และยางแท่ง เป็นต้น แม้ว่ายางธรรมชาติจะมีสมบัติที่ดีหลายประการ อาทิ มีความต้านทานแรงดึงสูง ทนต่อการเสื่อมสภาพเมื่อได้รับความร้อน แสง และโอโซนในอากาศได้ในระดับปานกลาง รวมถึงทนต่อการล้าได้ดีก็ตาม
 
หากเปรียบเทียบกับยางสังเคราะห์แล้วพบว่า ยางธรรมชาติ ยังมีสมบัติโดยรวมที่ด้อยกว่า เนื่องจากยางสังเคราะห์มีความทนทานต่อการขัดถูและการสึกกร่อนดีกว่า มีความเสถียรทางความร้อนที่สูงกว่าทำให้ยางสังเคราะห์เสื่อมสภาพได้ช้ากว่ายางธรรมชาติ ทั้งยังมียางสังเคราะห์อีกหลายชนิดที่สามารถคงความยืดหยุ่นได้แม้อยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำ สามารถทนต่อน้ำมันและจาระบี รวมทั้งยังทนเปลวไฟได้ดี ซึ่งเหมาะกับการนำไปใช้ทำเป็นฉนวนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย
 
นอกจากนี้แล้ว ยางธรรมชาติยังเป็นยางที่ได้จากต้นยางพารา ซึ่งเป็นพืชเขตร้อนที่มีข้อจำกัดในการปลูก ปริมาณของยางที่ได้จึงมักไม่เพียงพอต่อความต้องการในอุตสาหกรรม ดังนั้น ในปัจจุบันยางสังเคราะห์จึงได้รับความนิยมมากกว่า ทั้งยังมีหลายชนิดให้เลือกเหมาะกับการใช้งานหลากหลายประเภท ตั้งแต่การนำมาใช้ในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ ใช้ผลิตเป็นเครื่องมือแพทย์ หรือใช้ทำชิ้นส่วน แม่พิมพ์ และสายพานในเครื่องจักร เป็นต้น
บรรยายใต้ภาพ
ยางธรรมชาติ
ยางสังเคราะห์
 
[size=78%]