ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563  (อ่าน 841 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 89876
    • ดูรายละเอียด

***ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 730.05 จุด วิตกหลายรัฐสั่งล็อกดาวน์หลังโควิดพุ่ง

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากหลายรัฐของสหรัฐกลับมากำหนดข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจอีกครั้ง เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,015.55 จุด ร่วงลง 730.05 จุด หรือ -2.84%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,009.05 จุด ร่วงลง 74.71 จุด หรือ -2.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,757.22 จุด ร่วงลง 259.78 จุด หรือ -2.59%
          ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วง 3.31%, ดัชนี S&P500 ร่วง 2.87% และดัชนี Nasdaq ร่วง 1.87%
          ตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญแรงกดดัน หลังมีรายงานว่า บางรัฐของสหรัฐได้สั่งล็อกดาวน์อีกครั้ง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้น โดยในวันศุกร์ รัฐเท็กซัสและรัฐฟลอริดาได้สั่งให้บาร์ต่างๆ ปิดให้บริการอีกครั้ง
          นายเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสได้ออกคำสั่งบริหารในวันศุกร์ เพื่อจำกัดการดำเนินธุรกิจและการให้บริการบางอย่าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
          Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ล่าสุดสหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,546,841 ราย และมีผู้เสียชีวิต 127,361 รายแล้ว โดยในขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19
          นอกจากนี้ ตลาดยังถูกถ่วงลงจากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลที่ว่า ข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีนจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่จีนเตือนว่า การที่สหรัฐเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินการของจีนในฮ่องกงและไต้หวันนั้น อาจทำให้จีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ
          หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มการเงิน, บริการด้านการสื่อสาร และพลังงาน นำตลาดร่วงลง
          หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สั่งให้บรรดาธนาคารพาณิชย์จำกัดการจ่ายเงินปันผล และห้ามการซื้อหุ้นคืนไปจนถึงอย่างน้อยในไตรมาส 4/2563 หลังจากที่มีการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปี
          หุ้นเฟซบุ๊ก อิงค์ ร่วง 8.3% หลังยูนิลีเวอร์และเวริซอน คอมมิวนิเคชันส์ อิงค์ ได้พากันคว่ำบาตรการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก โดยระบุว่าเฟซบุ๊กไม่ได้ดำเนินการมากพอที่จะหยุดยั้งการแสดงความเห็นที่สร้างความเกลียดชังบนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก
          หุ้นไนกี้ ร่วง 7.6% หลังเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสขาดทุนเกินคาด โดยได้รับผลกระทบจากการปิดร้านค้า เพราะโรคโควิด-19 ระบาด
          การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกของสหรัฐเมื่อคืนนี้ ไม่ได้ช่วยหนุนตลาดแต่อย่างใด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐ พุ่งขึ้น 8.2% ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 9.0% หลังจากดิ่งลง 12.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2502
          อย่างไรก็ดี รายได้ส่วนบุคคล ลดลง 4.2% ในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 10.8% ในเดือนเม.ย.
          นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากร่วงลง 0.4% ในเดือนเม.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% เช่นกันในเดือนเม.ย.
          ด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 78.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 72.3 ในเดือนพ.ค.

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $9.7 วิตกโควิดพุ่งหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

ข่าวต่างประเทศ Saturday June 27, 2020 06:42 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ และในประเทศต่างๆ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 9.7 ดอลลาร์ หรือ 0.55% ปิดที่ 1,780.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 1.6% ในรอบสัปดาห์นี้

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 18.035 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 10.8 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 819.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 49.30 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 1,894.40 ดอลลาร์/ออนซ์

บรรดานักลงทุนได้เทขายสินทรัพย์เสี่ยง และพากันเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ล่าช้า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นนั้น ทำให้บางรัฐของสหรัฐต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ธุรกิจอีกครั้ง โดยในวันศุกร์ รัฐเท็กซัสและรัฐฟลอริดาได้สั่งให้บาร์ต่างๆ ปิดให้บริการ

นายเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสได้ออกคำสั่งบริหารเมื่อวันศุกร์ เพื่อจำกัดการดำเนินธุรกิจและการให้บริการบางอย่าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ล่าสุดสหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,546,841 ราย และมีผู้เสียชีวิต 127,361 รายแล้ว โดยในขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19

***น้ำมัน WTI ปิดลบ 23 เซนต์ วิตกล็อกดาวน์สกัดโควิดอีกรอบกระทบดีมานด์

ข่าวต่างประเทศ Saturday June 27, 2020 06:27 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายสัญญาน้ำมันดิบออกมา ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจะอ่อนแอลงอีก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 38.49 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 3.4% ในรอบสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 41.02 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 2.8% ในรอบสัปดาห์นี้

บรรดานักลงทุนขายสัญญาน้ำมันดิบออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ที่ลดลง หลังจากที่บางรัฐของสหรัฐได้สั่งล็อกดาวน์อีกครั้ง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้น โดยในวันศุกร์ รัฐเท็กซัสและรัฐฟลอริดาได้สั่งให้บาร์ต่างๆ ปิดให้บริการอีกครั้ง

นายเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสได้ออกคำสั่งบริหารในวันศุกร์ เพื่อจำกัดการดำเนินธุรกิจและการให้บริการบางอย่าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ล่าสุดสหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,546,841 ราย และมีผู้เสียชีวิต 127,361 รายแล้ว โดยในขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19

ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 1 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 188 แท่น

สัญญาน้ำมันดิบเผชิญแรงกดดันอยู่แล้ว หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ไว้ว่า อาจลดลง 100,000 บาร์เรล

ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มิ.ย.