ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 6 สิงหาคม พ.ศ. 2563  (อ่าน 488 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82036
    • ดูรายละเอียด

***ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 373.05 จุด รับผลประกอบการสดใส,มาตรการกระตุ้นศก.คืบหน้า
          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่ง รวมทั้งความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,201.52 จุด พุ่งขึ้น 373.05 จุด หรือ +1.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,327.77 จุด เพิ่มขึ้น 21.26 จุด หรือ +0.64% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,998.40 จุด เพิ่มขึ้น 57.23 จุด หรือ +0.52%
          หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ พุ่งขึ้น 8.8% หลังบริษัทเปิดเผยว่ามีกำไร 8 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินของบริษัท สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะขาดทุน 64 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ ดิสนีย์ยังเปิดเผยจำนวนสมาชิกที่รับบริการสตรีมมิ่งผ่านทาง Disney+, Hulu และ ESPN+ มากถึง 100 ล้านราย
          หุ้นสแควร์ อิงค์ (Square Inc) ผู้ให้บริการระบบจ่ายเงินผ่านอุปกรณ์พกพา พุ่งขึ้น 7.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 64% เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้บริการซื้อของทางออนไลน์อย่างคึกคักในช่วงไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
          หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ดีดตัวขึ้น 0.8% ขานรับข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐได้ทำข้อตกลงวงเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์กับ J&J เพื่อพัฒนาและส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดส ทันทีที่วัคซีนดังกล่าวได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์
          หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใส โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ บวก 1.43% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 1.74% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา บวก 1.52% ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 5.58% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ปรับตัวขึ้น 2.62% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.74% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 4.23%
          ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.1 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 57.1 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.0
          ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 50.0 ในเดือนก.ค. จากระดับ 47.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ หลังจากหดตัวติดต่อกัน 5 เดือน
          นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ทำเนียบขาวและแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ได้ตกลงกันว่าจะพยายามบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ภายในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ หลังจากที่การเจรจายืดเยื้อมาเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์
          สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 167,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 ล้านตำแหน่ง และต่ำกว่าอย่างมากจากระดับ 4.314 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
          ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 7.5% สู่ระดับ 5.07 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกพุ่งขึ้น 9.4% สู่ระดับ 1.583 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 ส่วนการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 4.7% สู่ระดับ 2.089 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.
          นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 1.36 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 10.7%

****ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $28.3 ทำนิวไฮ หลังเงินดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ
          สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้ราคาทองคำมีความน่าดึงดูดมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนเกี่ยวกับความหวังในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ
          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 28.3 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 2,049.3 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 86.2 เซนต์ หรือ 3.31% ปิดที่ 26.89 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 33.9 ดอลลาร์ หรือ 3.55% ปิดที่ 989.1 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 44.90 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 2,215.50 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาทองคำได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.55% แตะที่ 92.8665 เมื่อคืนนี้
          ทั้งนี้ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
          สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ทำเนียบขาวและแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ได้ตกลงกันว่าจะพยายามบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ภายในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ หลังจากที่การเจรจายืดเยื้อมาเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์
          นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานภาคเอกชนที่ซบเซาของสหรัฐยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 167,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 ล้านตำแหน่ง และต่ำกว่าอย่างมากจากระดับ 4.314 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

***ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 49 เซนต์ ขานรับสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด



ข่าวต่างประเทศ Thursday August 6, 2020 06:56 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 49 เซนต์ ขานรับสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 42.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 2563

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 45.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 2563

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 3 ล้านบาร์เรล

ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 8.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 419,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล

ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ทำเนียบขาวและแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ได้ตกลงกันว่าจะพยายามบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ภายในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ หลังจากที่การเจรจายืดเยื้อมาเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.1 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 57.1 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.0

ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 50.0 ในเดือนก.ค. จากระดับ 47.9 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนี PMI อยู่ที่ระดับ 50 ในเดือนก.ค.สะท้อนให้เห็นว่าภาคบริการของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ หลังจากหดตัวติดต่อกัน 5 เดือน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2020, 07:54:05 AM โดย Rakayang.Com »