ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 7 สิงหาคม พ.ศ. 2563  (อ่าน 492 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82285
    • ดูรายละเอียด

***น้ำมัน WTI ปิดลบ 24 เซนต์ วิตกโควิดระบาดฉุดดีมานด์น้ำมัน

ข่าวต่างประเทศ Friday August 7, 2020 06:45 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยราคาน้ำมันร่วงหลุดจากระดับ 42 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 41.95 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 45.09 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 19 ล้านราย และมียอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 7 แสนราย

ทั้งนี้ สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อเกือบ 5 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1.6 แสนราย

อย่างไรก็ดี ข้อมูลแรงงานที่ดีเกินคาดของสหรัฐได้ช่วยสกัดแรงลบของราคาน้ำมันในระหว่างวัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.186 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.42 ล้านราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยล่าสุดนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เขาคาดหวังว่าสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไม่ช้า พร้อมกับกล่าวว่า ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างก็มีความต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายมาร์ก มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ได้ประชุมร่วมกันเมื่อวานนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $20.1 ทำนิวไฮ เหตุดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ,อังกฤษตรึงดอกเบี้ย
          สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณว่าจะยังไม่คุมเข้มนโยบายการเงินจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวสู่ระดับเป้าหมายอย่างยั่งยืน
          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 20.1 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ 2,069.4 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.51 ดอลลาร์ หรือ 5.62% ปิดที่ 28.4 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 24.8 ดอลลาร์ หรือ 2.51% ปิดที่ 1,013.9 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 43.90 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 2,259.40 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาทองคำได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% สู่ระดับ 92.8025 เมื่อคืนนี้
          ทั้งนี้ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
          นักลงทุนขานรับความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เขาคาดหวังว่าสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไม่ช้า
          นอกจากนี้ สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.10% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 7.45 แสนล้านปอนด์
          ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางจะไม่คุมเข้มนโยบายการเงินจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวสู่ระดับเป้าหมายอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ธนาคารอังกฤษจะจับตาสถานการณ์ต่างๆ และพร้อมที่จะปรับนโยบายการเงินตามความจำเป็น

***ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 185.46 จุด รับมาตรการกระตุ้นศก.คืบหน้า,ข้อมูลแรงงานดีกว่าคาด
          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทำสถิติพุ่งขึ้นเหนือระดับ 11,000 จุดเป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนขานรับความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,386.98 จุด เพิ่มขึ้น 185.46 จุด หรือ +0.68% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,349.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.39 จุด หรือ +0.64% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,108.07 จุด เพิ่มขึ้น 109.67 จุด หรือ +1.00%
          ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยล่าสุดนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เขาคาดหวังว่าสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไม่ช้า พร้อมกับกล่าวว่า ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างก็มีความต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
          นายมาร์ค มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานของทำเนียบขาว และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า หากทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เตรียมที่จะใช้สิทธิอำนาจของประธานาธิบดีในการขยายโครงการช่วยเหลือคนตกงาน หลังจากที่โครงการดังกล่าวได้หมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา
          นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.186 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.42 ล้านราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
          หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นแข็งแกร่งและเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.49% หุ้นเฟซบุ๊ก ทะยานขึ้น 6.49% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 1.39% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.75% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 1.6% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 0.62%
          หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ สควิบบ์ พุ่งขึ้น 2.75% หุ้นเวียคอมซีบีเอส พุ่งขึ้น 3.42% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2
          หุ้นเรสโตรองท์ แบรนด์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (RBI) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเบอร์เกอร์ คิง ร่วงลง 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ดิ่งลง 25% แตะระดับ 1.05 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 อย่างไรก็ดี บริษัทมีกำไร 33 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 31 เซนต์/หุ้น
          นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 1.36 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 10.7%
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2020, 08:05:49 AM โดย Rakayang.Com »