ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 12 สิงหาคม พ.ศ. 2563  (อ่าน 693 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82432
    • ดูรายละเอียด

'ราคาน้ำมัน' ปรับลง 0.8% กังวลโควิด-19 ระบาดหนัก

12 สิงหาคม 2563 
ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลง 0.8% ในวันอังคาร (11 ส.ค.) กังวลความไม่แน่นอนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ และโควิด-19 ระบาดหนัก

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือน ก.ย. ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 33 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 41.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 49 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 44.50 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลงได้ปัจจัยหนุนจากนักลงทุนขายสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ออกมาเพื่อทำกำไร หลังจากราคาพุ่งขึ้น 1.75% และ 1.33% ตามลำดับเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในวันพุธนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

บรรดานักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐอาจลดลง 4.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ส.ค.

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน และนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ เนื่องจากการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวยังคงชะงักงัน

'ราคาทอง' ร่วง 93 ดอลล์ หลังมีข่าวรัสเซียพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19สำเร็จ

12 สิงหาคม 2563 
ราคาทองคำฟิวเจอร์ร่วง 93 ดอลลาร์ในวันอังคาร (11 ส.ค.) หลังมีข่าวรัสเซียพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 สำเร็จ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 93.4 ดอลลาร์ หรือ 4.58% ปิดที่ 1,946.3 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำปิดลดลง ได้ปัจจัยจาก สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (11 ส.ค.) โดยราคาทองร่วงลงวันเดียวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 7 ปี ขณะที่ถูกกดดันจากแรงเทขายทองในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีข่าวว่ารัสเซียประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐชะลอตัวลงแล้ว

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 3.212 ดอลลาร์ หรือ 10.98% ปิดที่ 26.049  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 31.3 ดอลลาร์ หรือ 3.12% ปิดที่ 971.4 ดอลลาร์/ออนซ์


ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 95.40 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 2,175.00 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองดิ่ง ลงรายวันเป็นเปอร์เซนต์หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินประกาศในวันอังคารว่า รัสเซียได้พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุขรัสเซียอนุมัติได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนดังกล่าว

นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกถ่วงลงจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น, แรงขายทำกำไรในตลาด และความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

สำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

"เท่าที่ผมทราบ รัสเซียได้จดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เมื่อเช้านี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลก" ปธน.ปูตินกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีรัสเซียในวันอังคาร

"วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพมาก โดยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันอย่างมีเสถียรภาพ และวัคซีนนี้ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว" ปธน.ปูตินกล่าว

ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวได้เสร็จสิ้นการทดลองทางคลินิกในเวลาไม่ถึง 2 เดือน และจะมีการเริ่มทดลองในเฟส 3 ในไม่ช้า

นายยุง-ยู หม่า หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านการลงทุนของบริษัทบีเอ็มโอ เวลธ์ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีหลายปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาทองให้ดีดตัวขึ้น แต่ก็มี 2 เหตุการณ์สำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาทอง

"2 เหตุการณ์สำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางราคาทองได้แก่ การพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 และการเลือกตั้งในสหรัฐ" นายหม่ากล่าว

นายหม่าระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะสกัดปัจจัยบวกที่กำลังหนุนราคาทอง

ด้านเธิร์ด บริดจ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นสำนักวิจัย ระบุว่า ราคาทองอาจดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นต่อไปในปีหน้า

ขณะเดียวกัน ราคาทองยังถูกกระทบจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้

นายมนูชินกล่าวว่า ยังคงมีโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกฎหมายดังกล่าวจะสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

'ดาวโจนส์' ปิดลบ 104.53 จุด นักลงทุนผิดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชะงักงัน

12 สิงหาคม 2563 
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแดนลบ 104.53 จุด ในวันอังคาร (11 ส.ค.) นักลงทุนผิดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชะงักงัน

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก 27,686.91 จุด ลดลง 104.53 จุด หรือ -0.38% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500  ปิดที่ 3,333.69 จุด ลดลง 26.78 จุด หรือ -0.80% ส่วนดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 10,782.82 จุด ลดลง 185.54 จุด หรือ -1.69%

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแดนลบ ได้รับปัจจัยจากนักลงทุนผิดหวังที่การเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงชะงักงัน ซึ่งกดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นสหรัฐถูกกดดัน หลังจากนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ว่า ผู้เจรจาของทำเนียบขาวยังไม่ได้พูดคุยกับผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสเกี่ยวกับกฎหมายเยียวยาผลกระทบของโรคโควิด-19 หลังจากที่การเจรจาล้มเหลวในสัปดาห์ที่ผ่านมา         

เทรดเดอร์ระบุว่า บรรดานักลงทุนได้เทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19

หุ้นยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง ซึ่งส่งผลถ่วงดัชนี Nasdaq ร่วงลง โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วง 3.40%, หุ้นแอปเปิล ร่วง 2.97%, หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วง 2.61%, หุ้นแอมะซอน ร่วง 2.14% และหุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.09%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันแล้ว และส่งผลถ่วงดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง

หุ้นกลุ่มทองคำร่วงลงด้วย หลังจากราคาทองดิ่งลงอย่างรุนแรง โดยสัญญทองคำส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 93.40 ดอลลาร์ หรือ 4.6% สู่ระดับ 1,946.30 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดพลิกปิดในแดนลบ หลังบวกขึ้นในช่วงแรกโดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัสเซียได้อนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียระบุว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย.

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ปรับตัวลง 0.4% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.8% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI อาจปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และอาจลดลง 0.7% เมื่อเทียบรายปี