ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 17 กันยายน พ.ศ. 2563  (อ่าน 584 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82271
    • ดูรายละเอียด

***หุ้นสหรัฐปิดไร้ทิศทางหลังเฟดส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกนาน

17 กันยายน 2563  กรุงเทพธุรกิจ

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ(16ก.ย.)ดีดตัวขึ้น สวนทางกับดัชนีเอสแอนด์พี500 และดัชนีแนสแด็ก หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ส่งสัญญาณว่ายังคงเดินหน้านโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกนาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 36.78 จุด หรือ 0.13% จุด ปิดที่ 28,032.38 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 15.71 จุดหรือ 0.46% ปิดที่ 3,385.49 จุดและดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 139.86 จุด หรือ 1.25% ปิดที่ 11,050.47 จุด
ช่วงเปิดตลาดดัชนีทั้ง 3 เคลื่อนไหวในช่วงบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ช่วงสั้นๆ หลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระดับใกล้ศูนย์เปอร์เซ็นต์ และให้คำมั่นในถ้อยแถลงทางนโยบายว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำแบบนี้ต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 2% แทนที่จะกำหนดเป้าหมายตายตัวที่ 2%

ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปอีกหลายปี

นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ ยังได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเฟดเอ็กซ์ คอร์ป รวมทั้งตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านที่พุ่งเป็นประวัติการณ์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้

ด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (เอ็นเอเอชบี) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 5 จุด สู่ระดับ 83 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในตลาด ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองอยู่ในระดับต่ำ

ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 6 เดือน

การฟื้นตัวของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจได้รับปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าปลีก ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค. ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งลดลง 0.3%

อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของดัชนีดาวโจนส์ถูกจำกัดจากการเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดในเดือนส.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.1% หลังจากทะยานขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค.

***น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.88 รับสต็อกน้ำมันดิบร่วงเกินคาด,เฮอร์ริเคนถล่มอ่าวเม็กซิโก

ข่าวต่างประเทศ Thursday September 17, 2020 06:49 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.88 รับสต็อกน้ำมันดิบร่วงเกินคาด,เฮอร์ริเคนถล่มอ่าวเม็กซิโก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนรายงานที่ว่า อิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน "แซลลี" ส่งผลให้ต้องมีการการระงับการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกมากกว่า 1 ใน 4

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.88 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 40.16 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.69 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 42.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล

ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 9.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ก.ย.

ข้อมูลของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 100,000 บาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 400,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (Bureau of Safety and Environmental Enforcement - BSEE) ซึ่งระบุว่า ณ วันพุธที่ 16 ก.ย. อิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนแซลลีส่งผลให้ต้องมีการระงับการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกราว 27.48% และระงับการผลิตก๊าซธรรมชาติราว 29.7%

นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการสังเกตการณ์ตลาดของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันนี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า การประชุมดังกล่าวจะเน้นการกำชับให้ประเทศสมาชิกปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต มากกว่าที่จะพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก 4.3 ดอลล์ ก่อนนักลงทุนรู้ผลประชุมเฟด

ข่าวต่างประเทศ Thursday September 17, 2020 07:03 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะแถลงผลการประชุม

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,970.5 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.2 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 27.476 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.89% ปิดที่ 973.5 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.10 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 2,417.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมเฟด ขณะเดียวกันสัญญาทองคำได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.1% หลังจากทะยานขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค.

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่า ยอดค้าปลีกพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 0.5%

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board