ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 2 เมษายน 2564  (อ่าน 802 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 83024
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $12.8 รับบอนด์ยีลด์ชะลอตัว-ดอลล์อ่อน
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 เม.ย. 2564)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.7% นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำด้วย
          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 12.8 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่ 1,728.4 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 41.6 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 24.948 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 17.1 ดอลลาร์ หรือ 1.44% ปิดที่ 1,208.6 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 35.90 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 2,655.80 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.7% เมื่อคืนนี้
          การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
          ขณะเดียวกันการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลง และมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
          ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.31% สู่ระดับ 92.9287 เมื่อคืนนี้
          นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 719,000 รายในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 27 มี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 675,000 ราย
          นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%
          *ตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 2 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday*
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $2.29 รับโอเปกพลัสเพิ่มผลิตเล็กน้อย
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 เม.ย. 2564)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศแผนลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.29 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 61.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 64.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
          สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากที่ประชุมโอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเริ่มในเดือนพ.ค.
          ทั้งนี้ โอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค., เพิ่มการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. และเพิ่มการผลิต 441,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.
          นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนหลังจากหลังปธน.ไบเดนประกาศแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
          แผนการดังกล่าวของปธน.ไบเดนครอบคลุมถึงการอัดฉีดเงินมูลค่า 6.21 แสนล้านดอลลาร์ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เช่น สะพาน, ถนน, การขนส่งสาธารณะ, ท่าเรือ, ท่าอากาศยาน และการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งครอบคลุมถึงการลงทุนมูลค่า 5.80 แสนล้านดอลลาร์ในด้านการผลิต, งานวิจัยและพัฒนา และการฝึกฝนอาชีพให้กับชาวอเมริกัน
          อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในยุโรป โดยรัฐบาลฝรั่งเศสได้สั่งให้มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบที่ 3 และกำหนดให้โรงเรียนต่างๆต้องปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
          นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%
          *ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 2 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday*
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 171.66 จุด รับภาคการผลิตสดใส-ไบเดนเผยแผนลงทุน
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 เม.ย. 2564)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) ขานรับความแข็งแกร่งของดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศแผนลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮที่เหนือระดับ 4,000 จุดเป็นครั้งแรก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,153.21 จุด เพิ่มขึ้น 171.66 จุด หรือ +0.52% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,019.87 จุด เพิ่มขึ้น 46.98 จุด หรือ +1.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,480.11 จุด เพิ่มขึ้น 233.23 จุด หรือ +1.76%
          ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 64.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2526 จากระดับ 60.8 ในเดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 61.7 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจกลับมาคึกคักอีกครั้ง
          นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังปธน.ไบเดนประกาศแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง ทั้งนี้ แผนการดังกล่าวครอบคลุมถึงการอัดฉีดเงินมูลค่า 6.21 แสนล้านดอลลาร์ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เช่น สะพาน, ถนน, การขนส่งสาธารณะ, ท่าเรือ, ท่าอากาศยาน และการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งครอบคลุมถึงการลงทุนมูลค่า 5.80 แสนล้านดอลลาร์ในด้านการผลิต, งานวิจัยและพัฒนา และการฝึกฝนอาชีพให้กับชาวอเมริกัน
          ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 4,000 จุดเป็นครั้งแรก โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม Growth Stock เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าหุ้นกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากรัฐบาลสหรัฐออกมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่
          ทั้งนี้ หุ้นอัลฟาเบท ทะยานขึ้น 3.26% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.79% หุ้นแอมะซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 2.16 หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.4% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.47%
          หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.76% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 1/2564 เนื่องจากความต้องการชิปที่สูงขึ้น โดยเฉพาะชิปสำหรับสมาร์ทโฟนระบบ 5G และซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
          หุ้นไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง คอมพานี (TSMC) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 5.52% หลังบริษัทประกาศการแผนลงทุนมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับความต้องการชิปที่เพิ่มขึ้น โดย TSMC เป็นผู้ผลิตชิปที่มีลูกค้าระดับโลกหลายราย รวมถึง แอปเปิล, ควอลคอมม์, Nvidia และแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์
          หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเกือบ 4% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 1.98%% หุ้นเชฟรอน บวก 0.9% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.14%
          สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59.1 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 58.6 ในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของคำสั่งซื้อใหม่
          ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 719,000 รายในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 27 มี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 675,000 ราย
          นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%
          *ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 2 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday*
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--