ผู้เขียน หัวข้อ: NER เป้าเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 2.45 หมื่นลบ.อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นตามราคายาง  (อ่าน 773 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82285
    • ดูรายละเอียด

NER เป้าเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 2.45 หมื่นลบ.อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นตามราคายาง
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (7 มิ.ย. 2564)--นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 64 เป็น 2.45 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท และเพิ่มเป้าปริมาณขายขึ้นเป็น 4.4 แสนตัน จาก 4.1 แสนตัน เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น ที่สามารถรองรับยอดขายโดยขณะนี้ยอดขายของบริษัทครอบคลุมไปจนถึงไตรมาส 4 และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น  เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าจากสิงคโปร์และอินเดีย ประกอบกับราคายางปรับขึ้นต่อเนื่อง และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มหลายราย
          บริษัทคาดอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยทั้งปี 64 จะทำได้ใกล้เคียงช่วงไตรมาส 1/64 ที่ 12.82% สูงกว่าปี 63 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยทั้งปีที่ 10.56% โดยเป็นผลมาจากการที่บริษัทสามารถจำหน่ายยางได้ในราคาที่สูงขึ้น หลังจากที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงหนุนให้ความต้องการใช้ถุงมือยางอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
          พร้อมกันนี้ยังมีการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซพิษไอเสียรถยนต์สู่อากาศนั้น ทำให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และรถยนต์พลังงานเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนทั่วโลกมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อุปสงค์ยางพารา (Demand) เพิ่มมากขึ้น แต่ในส่วนของอุปทานยางพารา (Supply) ไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม หนุนราคายางพาราจะอยู่ในทิศทางขาขึ้นอย่างน้อย 5 ปี
           เรามองว่าราคายางจะมีทิศทางปรับตัวขึ้นต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี ซึ่ง Supply จะเพิ่มขึ้นได้อย่างเร็วคือ 7 ปี เพราะต้นยางใหม่ต้องใช้ระยะเวลาในการปลูก และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการถุงมือยางอยู่ในระดับสูงอยู่ ในขณะเดียวกันการกลับมาฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตด้วย นายชูวิทย์ กล่าว
          นอกจากนี้ในปลายปี 2564 บริษัทมีแผนจะขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน จาก 460,000 ตัน เป็น 510,000 ตัน โดยจะลงทุนซื้อเครื่องจักรประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต้องการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น สำหรับสัดส่วนรายได้ปี 2564 ทางบริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 60 : 40 ซึ่งในสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศแบ่งเป็น จีน 70% , ญี่ปุ่น 20% และอื่นๆอีก 10%  เช่นสิงคโปร์ อินเดีย บังคลาเทศ  เป็นต้น โดยมองว่าเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมของลูกค้าในประเทศที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนย้ายมาตั้งโรงงานอยู่ที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น  และลูกค้าต่างประเทศที่มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติอยู่
          ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งวันใช้สิทธิ NER W1 ครั้งที่ 2 วันที่ 15 มิ.ย.64 สำหรับอัตราและราคาการใช้สิทธินั้นใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทได้ 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1.80 บาทต่อหุ้น ด้านระยะเวลาแจ้งความจำนงการใช้สิทธิ และขอรับใบแจ้งความจำนงการใช้สิทธิ ในวันที่ 8-11 มิ.ย.64 และวันที่ 14 มิ.ย.64
--อินโฟเควสท์ โดย สมบูรณ์เกียรติ พานิชเจริญ/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--