ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 15 กันยายน 2564  (อ่าน 337 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82291
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวกเล็กน้อย หลังพุ่งทะลุ $71 รับข่าวพายุเฮอริเคน
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 2564)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยราคาน้ำมันแผ่วลงในช่วงท้าย หลังจากที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวัน เนื่องจากความกังวลที่ว่า พายุเฮอริเคนนิโคลัสจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของรัฐเท็กซัสในสัปดาห์นี้
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 70.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.ปีนี้
          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 73.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ปีนี้
          ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพายุเฮอริเคนนิโคลัสได้พัดถล่มชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกของรัฐเท็กซัสและลุยเซียนาเมื่อวานนี้ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก และคาดว่าจะทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง, ไฟฟ้าดับ และคลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge)
          ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐลุยเซียนา และสั่งระดมความช่วยเหลือจากส่วนกลางเพื่อส่งไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุนิโคลัส
          ทางด้านนายเกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสได้ประกาศภาวะฉุกเฉินใน 17 เคาน์ตีและ 3 เมืองทั่วรัฐเท็กซัส พร้อมระบุว่า ทางรัฐเท็กซัสได้เตรียมพร้อมทีมกู้ภัยทั้งทางเรือและทางเฮลิคอปเตอร์เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
          การผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา โดยสำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (Bureau of Safety and Environmental Enforcement - BSEE) เปิดเผยว่า ณ วันอังคารที่ 14 ก.ย. การผลิตน้ำมันประมาณ 39.57% ในอ่าวเม็กซิโกยังคงปิดทำการอยู่ และการผลิตก๊าซธรรมชาติกว่า 48% ที่ยังคงปิดดำเนินการอยู่เช่นกัน
          นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ย. นอกจากนี้คาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--


ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $12.7 รับคาดการณ์เฟดชะลอขึ้นดบ.หลังเงินเฟ้อต่ำ
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 2564)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.7 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,807.1 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.9 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 23.885 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 18.8 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 938.7 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 104.20 ดอลลาร์ หรือ 5% ปิดที่ 1,975.60 ดอลลาร์/ออนซ์
          กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค.
          เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 5.3% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.4% หลังจากพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551
          ทั้งนี้ ดัชนี CPI ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการ QE
          นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.05% แตะที่ 92.6265 เมื่อคืนนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 292.06 จุด วิตกสหรัฐจ่อขึ้นภาษีนิติบุคคล
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 2564)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทจดทะเบียน โดยความกังวลดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มต่างๆเป็นวงกว้าง แม้ว่าในช่วงแรกตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดก็ตาม
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,577.57 จุด ร่วงลง 292.06 จุด หรือ -0.84% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,443.05 จุด ลดลง 25.68 จุด หรือ -0.57% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,037.76 จุด ลดลง 67.82 จุด หรือ -0.45%
          ตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครตได้เสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (corporate tax rate) จากระดับ 21% สู่ระดับ 26.5% รวมทั้งเสนอให้ปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (capital gains tax) และเงินปันผลขึ้นสู่ระดับ 28.8% ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์
          นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า หากข้อเสนอการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลผ่านความเห็นชอบในสภาคองเกรสของสหรัฐ ก็จะทำให้รายได้ของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 ลดลง 5% ในปี 2565
          หุ้นทุกกลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ร่วงลงทั้งหมด นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.55% โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 1.86% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 1.15% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.43% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.82%
          ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง 1.41% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.316% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.71% หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 1.75% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 2.39% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.37%
          หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบินต่างก็ร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 2.16% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.82% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ลดลง 1.93% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส ร่วงลง 1.69%
          บริษัทแอปเปิล อิงค์ เปิดงานอีเวนต์ประจำปีเมื่อวานนี้ และมีการเปิดตัว iPhone 13 รวมทั้ง iPad 9, iPad mini รุ่นใหม่ และ Apple Watch Series 7 อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นแอปเปิลปิดตลาดลดลง 0.96%
          กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 5.3% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.4% หลังจากพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551
          ทั้งนี้ ดัชนี CPI ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดเป็นปัจจัยหนุนตลาดในช่วงแรก เพราะทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างไรก็ดี ตลาดอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคค
          นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ รวมทั้งจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--