ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 16 กันยายน 2564  (อ่าน 461 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82291
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $12.3 นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังหุ้นพุ่ง
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 2564)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 1,800 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.3 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ระดับ 1,794.8 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.4 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 23.801 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 8.2 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 930.5 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 16 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,991,60 ดอลลาร์/ออนซ์
          นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 34.3 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.0 จากระดับ 18.3 ในเดือนส.ค.
          ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐได้แรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน รวมทั้งความเชื่อมั่นของบริษัทในภาคการผลิต
           นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $2.15 ขานรับสต็อกน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่อง
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 2564)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 72 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) ขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.15 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 72.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 75.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ปีนี้ ขานรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล
          ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของ EIA สอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
          นอกจากนี้ ข้อมูลของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
          ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2 ล้านบาร์เรล
          ตลาดได้รับปัจจัยหนุนมากขึ้นหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้างจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก หลังจากดิ่งลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 236.82 จุดรับแรงซื้อหุ้นพลังงาน-ข้อมูลศก.สดใส
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 2564)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,814.39 จุด เพิ่มขึ้น 236.82 จุด หรือ +0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,480.70 จุด เพิ่มขึ้น 37.65 จุด หรือ +0.85% ดัชนี Nasdaq  ปิดที่ 15,161.53 จุด เพิ่มขึ้น 123.77 จุด หรือ +0.82%
          หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.81% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.64% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ 4.18% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 3.35% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.08%
          หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางปรับตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 1.68% หุ้น 3M บวก 1.01% หุ้นฮันนีเวลล์ เพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 0.88% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 0.48% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 1.36% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ เพิ่มขึ้น 1.01%
          หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.25% หลังจากโบอิ้งปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการเครื่องบินพาณิชย์ในระยะยาว เนื่องจากเชื่อว่าอุตสาหกรรมการเดินทางภายในประเทศจะฟื้นตัวขึ้น หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
          ทั้งนี้ โบอิ้งคาดการณ์ว่า ยอดจัดส่งเครื่องบินพาณิชย์ในช่วง 20 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 43,610 ลำ คิดเป็นมูลค่า 7.2 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 500 ลำจากตัวเลขคาดการณ์เดิมซึ่งอยู่ที่ระดับ 43,110 ลำ ส่วนแนวโน้มในระยะ 10 ปีนั้น โบอิ้งคาดว่ายอดจัดส่งเครื่องบินจะอยู่ที่ 19,330 ลำ เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมซึ่งอยู่ที่ระดับ 18,350 ลำ
          หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.16% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 0.75% หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1.28%
          หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.68% หลังบริษัทประกาศแผนซื้อหุ้นคืนในวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มการจ่ายเงินปันผล
          หุ้น Globalstar ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารผ่านดาวเทียมของสหรัฐ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 6.29% หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในวันอังคาร อันเนื่องมาจากความผิดหวังที่ผลิตภัณฑ์ iPhone 13 ของบริษัทแอปเปิลไม่มีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารผ่านระบบดาวเทียมตามที่ปรากฎในข่าวลือก่อนหน้านี้
          ตลาดได้ปัจจัยบวกจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 34.3 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.0 จากระดับ 18.3 ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน รวมทั้งความเชื่อมั่นของบริษัทในภาคการผลิต
           นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--