ผู้เขียน หัวข้อ: World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้  (อ่าน 118 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82374
    • ดูรายละเอียด

World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ม.ค. 2566)--ตลาดการเงินยังคงจับตาข่าวอื้อฉาวของนายโกตัม อดานี ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีชาวอินเดียเจ้าของอาณาจักรทอดานี กรุ๊ป และเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย
          ฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐ ออกรายงานชื่อว่า  Adani Group: How the World's 3rd Richest Man is Pulling the Largest Con in Corporate History  โดยเปิดโปงว่า นายอดานีได้ทำการฉ้อโกงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แวดวงธุรกิจโลก ด้วยการปั่นหุ้นและตกแต่งบัญชีบริษัทมานานหลายทศวรรษ และอดานี กรุ๊ปยังได้ตั้งบริษัทบังหน้าในหลายประเทศ เช่น มอริเชียส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้งในหมู่เกาะทะเลแคริบเบียน เพื่อทำการฟอกเงิน ฉ้อโกง รวมทั้งยักยอกเงินภาษี
          การเปิดเผยรายงานฉบับนี้ ทำให้นักลงทุนแห่เทขายหุ้นในอาณาจักรธุรกิจของนายอดานี จนส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในการซื้อขายไม่ถึง 2 วัน และทำให้อันดับความร่ำรวยล่าสุดของนายอดาบีลดลงมาอยู่ที่อันดับ 7 ของโลก จากเดิมอยู่ในอันดับ 3
         
          -- จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันอังคารที่ 31 ม.ค. และจะแถลงมติการประชุมในวันพุธที่ 1 ก.พ.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.ตามเวลาไทย
         FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50%-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ.นี้ และจะปรับขึ้นอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75%-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. จากนั้นคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 28-29 ก.ย.
          -- นักลงทุนคาดการณ์ว่า หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดอาจจะสร้างเซอร์ไพรซ์ด้วยส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เมื่อวันศุกร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อ
          กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี และชะลอตัวจากระดับ 5.5% ในเดือนพ.ย.
          ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
          -- ตลาดการเงินรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ รวมทั้งการรายงานผลประกอบการของบริษัทชั้นนำในสัปดาห์นี้ อาทิ แอปเปิ้ล, อะเมซอน.คอม, อัลฟาเบท และเมตา แพลตฟอร์ม
          ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนด้วยการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และอินเทลเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 4/2565 รวมทั้งคาดว่าจะขาดทุนอีกในไตรมาส 1/2566
          -- จีนกลับมาออกวีซ่าให้พลเมืองญี่ปุ่นแล้วในขณะนี้ หลังจากที่ระงับไปเมื่อช่วงต้นเดือนนี้เพื่อตอบโต้ต่อการที่ญี่ปุ่นออกมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดต่อผู้ที่เดินทางจากจีน
          การดำเนินการดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ให้เข้มงวดมากขึ้นสำหรับผู้ที่เดินทางจากจีน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยนับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. ผู้ที่เดินทางมาจากจีนจะต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบก่อนที่จะเดินทางมายังญี่ปุ่น และจะต้องทำการตรวจแบบ RT-PCR ขณะเดินทางถึงญี่ปุ่น
          -- รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองโอ๊คแลนด์ หลังประสบอุทกภัยครั้งใหญ่จากการเกิดฝนตกหนัก ขณะที่เจ้าหน้าที่สั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย
          เหตุอุทกภัยดังกล่าวได้ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในท่าอากาศยานโอ๊คแลนด์ ขณะที่การจราจรติดขัด และทำให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจขาดแคลนไฟฟ้า
          นอกจากนี้ มีการประกาศยกเลิกการแสดงคอนเสิร์ตของเอลตัน จอห์น นักร้องชื่อดัง ก่อนที่การแสดงจะเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่นาที โดยการแสดงดังกล่าวคาดว่าจะมีผู้เข้าชมมากถึง 40,000 คน
          --  บริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทจะจ้างพนักงาน 10,000 คนในปีนี้ เนื่องจากบริษัทฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ระบาดแล้ว โดยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ของโบอิ้ง รวมถึงแผนกวิศวกรรมและการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น
          รายงานระบุว่า โบอิ้งเพิ่มการจ้างพนักงานโดยรวมประมาณ 14,000 คนในปี 2565 เป็น 156,000 คน ณ วันที่ 31 ธ.ค. เพิ่มขึ้นจากประมาณ 142,000 คนในปี 2564 โดยพนักงานราว 136,000 คนอยู่ในสหรัฐ
โดย รัตนา พงศ์ทวิช