ผู้เขียน หัวข้อ: แนวโน้มส่งออกยางพาราไทยไปยุโรป ปี 2024 เติบโต 7% จากความพร้อมภายใต้เกณฑ์ EUDR  (อ่าน 591 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82395
    • ดูรายละเอียด
แนวโน้มส่งออกยางพาราไทยไปยุโรป ปี 2024 เติบโต 7% จากความพร้อมภายใต้เกณฑ์ EUDR

ความพร้อมยางพาราไทยภายใต้เกณฑ์EUDR... หนุนส่งออกไปยุโรปปี2024เติบโต 7%

Vol.30 No.3471 19มีนาคม 2024  CURRENT ISSUE  ลัดดาวัลย์ เฉลิมแสนยากรเจ้าหน้าที่วิจัย

* เกณฑ์การค้าด้านสิ่งแวดล้อมโลกที่เข้มงวดขึ้นโดยเฉพาะกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ท าลายป่า(EUDR)ของสหภาพยุโรป ที่จะบังคับใช้เต็มรูปแบบในปลายปี2024ท าให้ยางพาราที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกและไทยส่งออกไปสหภาพยุโรปสัดส่วนสูงจะถูกจับตาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ยางพาราไทยอาจมีโอกาสทางการค้าเพิ่มขึ้นในสหภาพยุโรปจากความพร้อมของไทยที่มีมากกว่าในการปฏิบัติตามกฎหมายEUDR เมื่อเทียบกับคู่แข่งสะท้อนผ่านตัวชี้วัดด้านอุปทานยางพาราแบบยั่งยืน

กระแสการตื่นตัวในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้มีบทบาทมากขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะประเด็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งการปลูกยางพารามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อพื้นที่ปลูกในระดับต้นๆ เมื่อเทียบกับพืชเกษตรอื่นและไทยมีการส่งออกยางพาราไปยังสหภาพยุโรปที่มีความเข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อมในสัดส่วนสูง(รูปที่ 1) ทั้งนี้ การปลูกยางพารามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการใช้ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช การเตรียมพื้นที่ปลูกจากการใช้ น้ำมันในรถแทรกเตอร์ เป็นต้น แต่

ยางพาราเป็นไม้ยืนต้นที่กักเก็บก๊าซเรือนกระจก ซึ่งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)ก าลังอยู่ระหว่างพิจารณาให้สามารถด าเนินการออกเป็นคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยได้ ขณะที่ไทยมีการส่งออกยางพาราไปสหภาพยุโรปสูงถึงร้อยละ 12 ของมูลค่าส่งออกยางพาราทั้งหมดของไทย

นอกจากประเด็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว สหภาพยุโรปได้มีการออกกฎหมายการค้าด้านสิ่งแวดล้อมแบบภาคบังคับมาใช้เป็นมาตรฐานด้านความยั่งยืนในการรับซื้อสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าอย่างเต็มรูปแบบในปลายปี 2024 ครอบคลุม 7 รายการซึ่งมียางพารารวมอยู่ด้วย (รูปที่2) โดยหากผู้ประกอบการไม่สามารถทาได้ตามเกณฑ์ที่บังคับ ก็จะไม่สามารถส่งออกสินค้าดังกล่าวไปขายยังสหภาพยุโรปได้ นับเป็นปัจจัยเร่งด่วนที่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าที่เข้าข่ายจะส่งออกไปยังสหภาพยุโรปต้องรีบปรับตัว

ขณะที่มาตรฐานความยั่งยืนภาคสมัครใจส่วนใหญ่มักใช้เป็นเกณฑ์การค้าด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศผู้นำเข้าสินค้าเกษตรแถบเอเชียโดยจะเน้นไปที่มาตรฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมการวางแผนการใช้ที่ดินเป็นต้นซึ่งยังไม่มีความเร่งด่วนที่จะกระทบต่อผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าเกษตรแต่หากธุรกิจด เนินการก็จะเป็นแต้มต่อได้เช่นกัน

ไทยมีโอกาสส่งออกยางพาราไปสหภาพยุโรปมากขึ้นภายใต้กฎหมาย EUDRเนื่องจากความสามารถในการปฏิบัติตามกฎหมายEUDR ที่มีความก้าวหน้ามากกว่าคู่แข่งอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซียสะท้อนผ่านตัวชี้วัดด้านอุปทานยางพาราแบบยั่งยืน(รูปที่ 3)โดยเฉพาะตัวชี้วัดพื้นที่บุกรุกทำลายป่าที่ไทยมีเพียง 0.4 ล้านไร่ ซึ่งน้อยกว่าอินโดนีเซียที่ 6 ล้านไร่ และมาเลเซียที่ 1.9 ล้านไร่ขณะที่สหภาพยุโรปเองก็มีความต้องการยางพาราจากไทยเพิ่มขึ้น (รูปที่ 4 )เพื่อนำไปผลิตเป็นยางล้อรถยนต์โดยคาดว่าในปี 2024 ยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหภาพยุโรปจะทยอยฟื้นตัวซึ่งอาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากปีก่อน(ข้อมูลจากACEA As of February 2024)


รูปที่ เกณฑ์การค้าด้านสิ่งแวดล้อมของโลก แบบภาคบังคับและแบบภาคสมัครใจ มาตรฐานความยั่งยืนภาคสมัครใจ Voluntary Sustainable Standard: VSS) เกณฑ์ภาคบังคับกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า EU Deforestation Regulation : EUDR มิยบังคับใช้ธคบังคับใช้เต็มรูปแบบในผู้ประกอบการรายใหญ่มิยบังคับใช้เต็มรูปแบบในผู้ประกอบการรายเล็กกลางยังไม่เร่งด่วน ส่วนใหญ่ใช้ในผู้น าเข้าสินค้าเกษตรแถบเอเชีย เร่งด่วน บังคับใช้เต็มรูปแบบในปลายปีลักษณะของเกณฑ์การบังคับใช้ของเกณฑ์ที่มา:รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยเน้นเป็นสินค้าที่ต้องไม่มาจากการตัดไม้ท าลายป่า และติดตามแหล่งที่มาได้ครอบคลุมสินค้า รายการ คือ ยางพาราปาล์มน้ำมัน วัว ไม้ กาแฟ โกโก้ และถั่วเหลือง รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าเหล่านี้เน้นไปที่มาตรฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การวางแผนการใช้ที่ดิน  ส่วนใหญ่ใช้กับสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรทั่วไป เช่น ข้าว น้ำตาล ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด เป็นต้น ตัวอย่างมาตรฐาน  FAIRTRADE  Certified Green Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) USDA ORGANIC เกณฑ์ภาคสมัครใจ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 21, 2024, 10:18:39 AM โดย Rakayang.Com »