หุ้นยุโรป: การซื้อขายเบาบางเนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนใกล้เข้ามา
MoneyDJ News 2025-06-11 06:45:46 ผู้สื่อข่าว Huang Zhiqin รายงาน
ตลาดให้ความสนใจต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และความรู้สึกรอดูสถานการณ์ก็แข็งแกร่งขึ้น ตลาดหุ้นยุโรปไม่ผันผวนมากนักในวันที่ 10 และปิดต่ำกว่าเส้นแบน
ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปร่วงลง 0.02% (0.12 จุด) เมื่อวันที่ 10 ปิดที่ 553.12 จุด โดยในแง่ของอุตสาหกรรม หุ้นยานยนต์และหุ้นน้ำมันและก๊าซมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นการทหารร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์
ดัชนีหุ้นหลักในยุโรปปรับตัวผสมกันเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม โดยดัชนี DAX ของเยอรมนีปิดที่ 23,987.56 จุด ลดลง 0.77% (186.76 จุด) ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษปิดที่ 8,853.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.24% (20.86 จุด) และดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสปิดที่ 7,804.33 จุด เพิ่มขึ้น 0.17% (12.86 จุด)
นโยบายภาษีศุลกากรที่ไม่แน่นอนของรัฐบาลทรัมป์ได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก ตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ และจีนยังคงพบกันที่ลอนดอนเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการค้า แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจา เนื้อหาของการเจรจาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภาษีศุลกากรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการควบคุมการส่งออกวัตถุดิบสำคัญ เช่น แร่ธาตุหายากของจีนด้วย
ลอร่า คูเปอร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Nuveen กล่าวว่า ก่อนที่จะมีข้อตกลงการค้าที่เป็นเนื้อหาสำคัญ ตลาดจะมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบเชิงลบจากการไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อนสิ้นสุดช่วงเวลาระงับการจัดเก็บภาษีศุลกากรซึ่งกันและกัน
จากข้อมูลเศรษฐกิจ พบว่าการเติบโตของค่าจ้างในสหราชอาณาจักรชะลอตัวลงในเดือนเมษายน และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ทำให้ธนาคารแห่งอังกฤษมีเหตุผลมากขึ้นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นของอังกฤษทรงตัวอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เมื่อมองไปข้างหน้าในสัปดาห์นี้ จะมีการเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) อย่างต่อเนื่อง
หากพิจารณาจากหุ้นรายตัว UBS ร่วงลง 5% เนื่องจากรัฐบาลสวิสกำลังวางแผนที่จะกำหนดข้อกำหนดด้านเงินทุนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารต้องเพิ่มเงินทุนหลักประมาณ 26,000 ล้านดอลลาร์
Financial Times รายงานว่ากองทุนป้องกันความเสี่ยง Parvus Asset Management กำลังเพิ่มการถือหุ้นใน Novo Nordisk ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์
(ที่มาของภาพ: shutterstock)